สุขภาพ

จ้องคอมนานๆ ต้องระวัง! เสี่ยงเป็น โรคตาแห้ง

MThai.com - Health
เผยแพร่ 12 ต.ค. 2561 เวลา 01.00 น.
สาเหตุของ โรคตาแห้ง ที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน คือ การใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ จะมีอาการ ได้แก่ ระคายเคืองตา แสบตาง่าย บางคนอาจมีน้ำตาไหล มองไม่ชัด ฯลฯ

ตาแห้ง โรคยอดฮิตที่เป็นกันมากในปัจจุบัน หนึ่งในสาเหตุของ โรคตาแห้ง ที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน คือ การใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ จะมีอาการ ได้แก่ ระคายเคืองตา เหมือนมีเศษผงอยู่ในดวงตา, แสบตาง่าย บางคนอาจมีน้ำตาไหล โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในที่ที่ลมพัดแรงหรืออากาศแห้ง เช่น ในห้องแอร์, เห็นภาพเบลอมากขึ้นเมื่ออ่านหนังสือ หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือจ้องมือถือเป็นระยะเวลานานๆ

อาการจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับโรคตาแห้ง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เนื่องจากการทำงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นการใช้สายตาในระยะใกล้ และต้องใช้สมาธิในการเพ่งหน้าจอ จะส่งผลให้การกะพริบตาลดลง (ใน 1 นาที คนเราควรกระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้ง) ประกอบกับการทำงานในห้องแอร์ ซึ่งมีสภาพอากาศที่แห้ง และแสงจ้าจากคอมพิวเตอร์ จะทำให้น้ำตาที่เคลือบผิวตาระเหยได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะหากทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ หลายชั่วโมงโดยไม่พักสายตา จะส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งตามมาได้ หากปล่อยไว้นานจนตาแห้งมากๆ จะส่งผลให้เกิดอาการตาแดง มีการอักเสบของเยื่อตา และกระจกตาเป็นแผลถลอกได้

“ ตาแห้ง ” อันตรายจากการใช้คอมพิวเตอร์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
  1. แสบ คัน ระคายเคืองตา

  2. ตาแฉะ

  3. ตาแดง

  4. มีเมือก เหนียวๆ รอบดวงตา

  5. คล้ายมีฝุ่นอยู่ในตา

  6. สายตา ไวต่อแสงมากกว่าปกติ

  7. มองเห็นภาพเบลอ

สาเหตุอื่นๆ ของโรคตาแห้ง เกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ

  1. เกิดจากการที่ต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาไม่เพียงพอจากโรคบางชนิด เช่น กลุ่มอาการ Sjogren syndrome เป็นต้น

  2. น้ำตามีเพียงพอแต่ระเหยออกจากตาเร็ว เช่น เป็นโรคเปลือกตาอักเสบ มีต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน เป็นภูมิแพ้ ใส่คอนแทคเลนส์ เป็นต้น

ทั้งนี้ยังพบว่า โรคตาแห้งยังสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น, เพศหญิง (พบได้บ่อยกว่าเพศชาย), การอยู่ในสภาพอากาศที่แห้ง มีลมพัดแรง นอกจากนี้ การใช้ยาบางชนิดก็มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ ที่รู้จักกันดีเช่น ยาแก้ภูมิแพ้ เป็นต้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การดูแลและรักษาโรคตาแห้ง

  1. หลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน โดยใช้กฎ 20-20-20 คือ ทุกๆ 20 นาทีที่จ้องหน้าจอ ให้พักสายตาเป็นระยะเวลานาน 20 วินาที โดยการมองทอดสายตาไปที่ไกลๆกว่า 20 ฟุต

  2. กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้มีน้ำตามาเคลือบผิวตาให้ชุ่มชื้น

  3. หมั่นทำความสะอาดเปลือกตาตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีโรคเปลือกตาอักเสบหรือต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน เพื่อลดปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการตาแห้ง

  4. ใช้น้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา

  5. การรักษาอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เช่น ยาหยอดลดการอักเสบ, autologous serum, omega-3 supplement, การอุดท่อน้ำตา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาอาการตาแห้ง คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง หรือการป้องกัน หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดอาการตาแห้ง หากอาการผิดปกติทางตา ก็ควรมาตรวจกับจักษุแพทย์ ไม่ควรปล่อยไว้จนเป็นปัญหาเรื้อรัง และควรตรวจเช็กสุขภาพตาปีละ 1 ครั้งเป็นประจำ

บทความโดย : แพทย์หญิง อุษณีย์ สีพงษ์พันธ์ จักษุวิทยา เฉพาะทาง โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • ขอโทษนะคะ มาช้าไป... แต่มันเป็นไปแล้วค่ะ เฮ้อ...😌
    13 ต.ค. 2561 เวลา 14.47 น.
ดูทั้งหมด