ทั่วไป

นักวิชาการชี้ อย่าปล่อย "ปลาดุก" เพื่อทำบุญ เผยเป็นตัวอันตรายต่อระบบนิเวศ

คมชัดลึกออนไลน์
อัพเดต 09 ส.ค. 2563 เวลา 13.41 น. • เผยแพร่ 09 ส.ค. 2563 เวลา 13.23 น.

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563 ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน้ำจืด ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า Nonn Panitvong 

ซึ่งข้อความระบุไว้ว่าคำนวณผลกระทบของปลาดุกปล่อยต่อระบบนิเวศ สรุปสำหรับใครที่ขี้เกียจอ่าน ปลาดุก 1 ตันกินสัตว์น้ำประมาณ 1,800,000 ตัวต่อปี ปลาดุกที่นิยมเลี้ยงเพื่อนำมาเป็นอาหารในปัจจุบันในประเทศไทย เป็นปลาดุกลูกผสมที่เกิดจากปลาดุกยักษ์จากทวีปแอฟริกาและปลาดุกอุย ลูกปลาที่เกิดมาเป็นปลาลูกผสมที่ถือว่าเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เรียกชื่อทางการค้าว่าปลาดุกบิ๊กอุย ได้ปลาที่โตเร็ว มีเนื้อดีพอสมควรและเป็นหมัน การใช้ประโยชน์คือนำมาบริโภคตามจุดประสงค์ที่ถูกเลี้ยงขึ้นมา ในปัจจุบันมีผู้นิยมนำปลาดุกบิ๊กอุยไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติของประเทศไทยเพื่อทำบุญ แต่การกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่นั้นๆ โดยผมจะขอยกตัวอย่าง ในกรณีที่ปลาดุกที่ถูกเลี้ยงมาในที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปตลอดชีวิตสามารถปรับตัวหัดหาอาหารเองในธรรมชาติเป็น ไม่ถูกใครจับไปเสียก่อน ดังนี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สมมุติฐาน
ปลาดุกเป็นปลาที่กินทั้งพืชและสัตว์ สักครึ่งๆ 50:50
ปลาดุกกินอาหารวันละ 5% ของน้ำหนักตัว
ปลาดุกที่ปล่อยขนาดทั่วไปของตลาดประมาณ 3ตัว/1กิโลกรัม
ปลาดุกถูกปล่อยลงไปในแหล่งน้ำที่สมบูรณ์มีอาหารให้กิน

โจทย์
- นายบุญหนัก ต้องการปล่อยปลาดุก 1,000 กิโลกรัม คิดเป็นปลาดุกประมาณ 3,000 ตัว
- ปลาดุก 1,000 กิโลกรัม จะกินอาหารวันละ 50 กิโลกรัม (1,000*5%)
- ในอาหาร 50 กิโลกรัมนี้เป็นสัตว์ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นคิดเป็นสัตว์น้ำหนักรวม 25 กิโลกรัม หรือ 25,000 กรัม (1 กก. = 1,000 กรัม)
- ปลาดุกตัวขนาดนี้ สัตว์น้ำท้องถิ่นอย่าง ลูกปลาบู่ ลูกปลาตะโกก ลูกปลาตะเพียน ปลาซิว กุ้งฝอย และ หอยขม ที่กินได้พอดีๆคำจะตัวประมาณ 2-3 เซนติเมตรก็จะหนักไม่เกิน 5 กรัม ดังนั้นปลาดุก 3,000 ตัวที่นายบุญหนักปล่อยไปนี้ ถ้าต้องการมีชีวิตที่ดีก็ต้องกินสัตว์น้ำอื่นๆไปวันละ 5,000 ตัว(25,000/5) หรือปีละ 1,800,000 ชีวิต (5,000*360)
- อันนี้คำนวณแบบง่ายๆว่าปลาดุกไม่ได้โตขึ้นด้วยนะ ในความเป็นจริงกินไปโตไปก็จะกินเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าระบบนิเวศแถวนั้นมันเสื่อมโทรมไปแล้ว ปลาดุกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี จู่ๆถูกเอามาปล่อยให้สู้ชีวิตด้วยตัวเองหาอาหารกินไม่ได้ก็อาจจะอดตายไปอย่างทรมานก็เป็นไปได้เช่นกันครับ

สรุปด้วยสมมุติฐานดั้งเดิมว่าปลาดุกรอด การปล่อยปลาดุก 1 ตัน เราจะสูญเสียสัตว์น้ำท้องถิ่นไปประมาณ 1.8 ล้านชีวิตต่อปี ในจำนวนนี้อาจจะเป็นลูกปลาเศรษฐกิจ ที่ถ้าปล่อยให้โตไปก็จะเป็นอาหารของชาวบ้านได้อีก ในจำนวนนี้อาจจะเป็นปลาหายากที่ถ้ารอดไปก็จะสามารถไปสืบพันธุ์ต่อได้ ในจำนวนนี้มีปลาท้องถิ่นขนาดเล็กซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศอย่างปลาซิวที่จะเป็นอาหารของปลาท้องถิ่นขนาดใหญ่ต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นสัตว์น้ำที่อยู่ของเค้าดีๆก็มีใครก็ไม่รู้เอาสัตว์ผู้ล่ามาปล่อยลงไปในบ้านเค้าเต็มไปหมด คือลองนึกภาพคุณอยู่ในบ้านของคุณดีๆก็มีใครไม่รู้เอาเสือ เอาสิงโตมาปล่อยลงไปในหมู่บ้านคุณเพื่อทำบุญ โดยคุณไม่มีทางที่จะสู้เลย ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบุญบาปสักเท่าไหร่ อ่านแล้ว คิด วิเคราะห์ แยกแยะ กันนะครับว่าควรจะปล่อยไหม สาธุ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 10
  • ยังมี
    ได้อ่านบทความนี้ทำให้เข้าใจ ในการทำบุญปล่อยปลาเลย ว่าบุญที่ทำบางที มันก็มีผลข้างเคียงที่นึกไม่ถึง ขอบคุณกับบทความนี้ค่ะ
    09 ส.ค. 2563 เวลา 14.52 น.
  • premanan silata
    ต้องบอกกรมประมงให้ควบคุมการเลี้ยงปลาดุกบิ้กอุย เพราะปัจจุบันมีผู้เลี้ยงปลาดุกบิ้กอุยในกระชังในแม่น้ำ เป็นตัวร้ายปล่อยให้ปลาดุกบิ้กอุยหลุดลงสู่แม่น้ำ โดยไม่ทราบ ว่ามีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ดังกล่าว ข่วยยื่นเรื่องร้องเรียน หน่อย อย่ามาดีแต่พูด
    09 ส.ค. 2563 เวลา 15.10 น.
  • sri
    ขอบคุณค่ะ ปล่อยทีละตัว แต่คนอื่น ปล่อยที 10/20 ตัว ต่อไปนี้ ไม่ปล่อยแล้ว ได้บาป มากกว่าค่ะ
    09 ส.ค. 2563 เวลา 15.31 น.
  • ขอบคุณสำหรับบทความนะคับ ผมก็ปล่อยปายูทธ์มา5ปีแล้ว ระบบนิเวศน์ตอนนี้แย่เลย
    09 ส.ค. 2563 เวลา 16.53 น.
  • ไม่ต้องคิดเยอะ. คนปล่อยก็ปล่อยไป. ชาวบ้านที่ไม่มีกินเค้าก็จับมากิน เป็นวงจรอยู่แล้ว ปลามันว่ายไปเรื่อย. ไม่อยู่กับที่หรอก ยกเว้นที่วัด
    09 ส.ค. 2563 เวลา 22.33 น.
ดูทั้งหมด