ผมมีชีวิตบนโลกใบนี้มาเกินครึ่งศตวรรษ
แต่ยังไม่เคยพบเคยเจอ
สถานการณ์ที่ทำให้คนทั่วทุกมุมโลก
หวาดผวา กลัวตาย
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่รู้ตรงกัน
เหมือนอย่างกรณีไวรัสโควิด-๑๙ เลย
.
และนั่นก็หมายความว่า
ไม่มียุคไหนสมัยใด
ที่เราจะได้เห็นค่าของมรณสติเท่ายุคนี้อีกแล้ว
.
มรณสติ ไม่ใช่แค่นึกว่า ‘เดี๋ยวเราจะต้องตาย’
การนึกอย่างนั้นจะให้ความรู้สึกหลอกตัวเอง
ไม่ได้มีประโยชน์อันใดเลย
เพราะอย่างไรใจคุณก็รู้อยู่ว่าอีกนาน
ยังไม่ได้จะตายตอนนี้เสียหน่อย
จะคิดถึงความตายให้เป็นอัปมงคล
จิตหม่นหมองไปเปล่าๆ ทำไมกัน
.
แท้ที่จริง มรณสติคือการซักซ้อมพร้อมตาย
เพราะความตายมีได้ครั้งเดียว
กลับมาแก้ตัวไม่ได้
ถ้าเราต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขันที่สุดในชีวิต
ด้วยการไม่พร้อม ไม่มีการตระเตรียมอะไรเลย
นั่นแหละคือความประมาทที่สุดตั้งแต่เกิดมา
.
มาดูจากที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ถ้าจิตสุดท้ายเศร้าหมอง (ด้วยกิเลสและบาปอกุศล)
ทุคติเป็นอันหวังได้ (คือไปสู่นรก เดรัจฉาน หรือเปรต)
ดังนั้น ขั้นพื้นฐานของการซักซ้อมพร้อมตาย
อาจเริ่มจากการถามตัวเองง่ายๆ ว่า
ถ้าต้องตายในนาทีนี้ เราจะคิดถึงอะไรเป็นครั้งสุดท้าย
ระหว่างสิ่งที่ทำให้ใจเบิกบานเป็นกุศล
หรือสิ่งที่ทำให้ใจหดหู่เป็นอกุศล?
.
คุณตอบตัวเองได้
สิ่งที่คุณคิดถึงอยู่เรื่อยๆ ตลอดวัน
โดยเฉพาะในช่วงเวลาท้ายๆ ของชีวิตนั่นแหละ
จะมาเป็นภาพจำ เหนี่ยวนำจิตให้ตายไปตามนั้น
.
ความอาลัยไปข้างหลัง ความหวังลมๆ แล้งๆ ไปข้างหน้า
ความผูกใจเจ็บ คิดถึงแต่ศัตรูคู่แค้น
ความละโมบโลภมาก อยากได้อะไรเกินตัวจนต้องโกงก็เอา
ถ้าเหล่านี้คือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา
นับว่าเป็นการ ‘เตรียมอะไรเลวๆ ไปตาย’
.
ส่วนความรู้จักหายใจยาวอย่างเป็นสุขได้
ความปลอดภาระทางอารมณ์แค้น
ความรู้จักให้ก่อน พอใจในสิ่งที่พึงมีพึงได้
ถ้าเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้คุณสบายใจ หัวโล่งทั้งวัน
ก็นับว่าเป็นการ ‘มีดีไปตาย’
.
สำรวจใจแต่ละครั้ง
ถ้าต้องตายตอนนี้
เรื่องดีหรือเลวอันไหนจะเข้ามาถึงใจคุณก่อน
ถ้าพบว่าคุณมีดีไปตายเพิ่มขึ้นทุกที
ก็จะมีความอุ่นใจ หายกลัวมากขึ้นทุกวัน
ไม่หวั่นแม้โควิด-๑๙ จะมาเคาะประตูบ้านพรุ่งนี้
.
ยิ่งถ้าแอดวานซ์หน่อย
เขยิบมาเห็น ‘ความตายทุกขณะจิต’
จากการรู้ว่า ลมเข้าออกไม่เคยเป็นลมเดิม
ไม่เคยมีความสุขทุกข์ใด
ที่มากับแต่ละลมหายใจเป็นความรู้สึกเดิม
และกระทั่งเห็นทุกความนึกคิด
ไม่เคยเป็นตัวเดิมของคุณ มีแต่ผันผวนไปเรื่อยๆ
ทุกองค์ประกอบความเป็นคุณจากตาย
คลี่คลายไปเป็นอื่นตลอดเวลาอยู่แล้ว
เช่นนี้ คุณจะ ‘มียิ่งกว่าดี’ ไปตาย
เพราะสุดท้ายอาจมีสิทธิ์เข้าถึงธรรม
ที่พระพุทธเจ้าปรารถนาจะให้ทุกคนในโลกได้เข้าถึง!
Yong ลองหลับตาลงทำใจให้นิ่งดูความคิดถ้าสามารถทำให้จิตว่างจากความคิดมีความสว่างอยู่เบื้องหน้าแม้จะหลับตาลงแสดงว่าจิตสงบสว่างสะอาดถ้าทำได้ทุกครั้งตามต้องการเรียกว่าเป็นอานิสงส์จากบุญบารมีพี่สั่งสมความดีมาจนเป็นจิตที่บริสุทธิ์อันนี้สุคติเป็นอันหวังได้
01 มี.ค. 2563 เวลา 08.50 น.
ในการเข้าใจถึงในสัจจะธรรม ก็ย่อมสามารถที่จะทำให้เกิดสติ และสามารถที่จะทำให้รู้ถึงในวิธีการที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องเสมอ.
01 มี.ค. 2563 เวลา 06.33 น.
Poom สาธุ
นึกถึงสิ่งดีดีให้ได้ตอนกำลังจะตายครับ
แต่นาทีนั้นมาจริงๆจะทำได้ก็เพราะซ้อมนึกไว้ได้บ่อยๆเพราะทำดีบ่อยๆอยู่แล้วเป็นอัตโนมัติ
01 มี.ค. 2563 เวลา 14.18 น.
ตรรกะง่ายๆจะมีซักกี่มานุษย์ที่จะเข้าใจ
01 มี.ค. 2563 เวลา 04.59 น.
Amp_Rujinan เขียนดีมากค่ะ ขอบคุณจากใจ
01 มี.ค. 2563 เวลา 17.47 น.
ดูทั้งหมด