ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เปิดเอกสารกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ามีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน
นายวิโรจน์ อภิปรายว่า ปัจจุบันหากเข้าโลกออนไลน์จะพบบัญชีรายชื่อปลอม เพจปลอม โดยเอารูปตัวการ์ตูน รูปต่างๆ ที่ไม่ใช่ตัวเองมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ และออกปฏิบัติการคุกคามประชาชน ประชาชนเรียกภารกิจแบบนี้ว่า “ไอโอ” หรือ “ปฏิบัติการข่าวสาร” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อคุกคามประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์รัฐบาล โดยการขุดประวัติบุคคลนั้นมาโพสต์ประจานเหมือนพฤติกรรมการล่าแม่มด ใช้ถ้อยคำเกลียดชังด่าทอประชาชน นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ เลือกเอาข้อมูลด้านเดียว เพื่ออวยกองทัพ ซึ่งการทำแบบนี้จะส่งผลเสียบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังในหมู่ประชาชน เพียงเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไอโอเหล่านี้คุกคามประชาชนหนักจนเหมือนมีงบสนับสนุน มีคนอยู่เบื้องหลัง นายวิโรจน์จบการเกริ่นนำด้วยการระบุว่าตนสามารถจับกระบวนการนี้ “ได้ทั้งรังแล้ว”
นายวิโรจน์อธิบายว่า ที่ผ่านมามีการสร้างเพจบนเฟซบุ๊กเป็นจำนวนนับร้อยเพจ ซึ่งทำกันเป็นกระบวนการเพื่อแชร์เนื้อหาจากเว็บไซต์ที่ชื่อว่า pulony.blogspot.com โดยบทความที่ถูกแชร์จากเว็บไซต์นี้มีเนื้อหาในการเติมเชื้อไฟให้แบ่งฝักฝ่าย เป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งประชาชนให้ร้าวลึกลงเรื่อยๆ พฤติกรรมแบบนี้บั่นทอนการเจรจาสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และโจมตีนักการเมือง ไม่ให้นำปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแก้ไขในสภา
เอกสารของบประมาณปี 2563 ของ กอ.รมน.
ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่าตนพยายามหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเว็บไซต์นี้ กระทั่งได้พบเอกสารฉบับหนึ่งจากการได้เป็น กมธ.พิจารณางบประมาณปี 2563 ที่ส่งมาของบประมาณโดย กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเอกสารหน้าที่ 14 ข้อ 10 ระบุถึงรายงานการปฏิบัติการข่าวสารของเว็บโซต์นี้ ซึ่งมีการของบประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 – 2562 ตนจำเป็นต้องกระชากหน้ากาก พล.อ.ประยุทธ์ ออกมา เพราะเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เหตุการณ์ไม่สงบ ทำให้ปัญหายังครุกรุ่น เลี้ยงไข้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการที่ กอ.รมน. ซึ่งขึ้นอยู่กับ นายกฯ เข้าไปคุกคามนักสิทธิมนุษยชน จึงขอตั้งคำถามว่า ทำแบบนี้ไปทำไม และเพื่ออะไร
“การทำงานของไอโอเหล่านี้มีรูปแบบทำซ้ำทุกครั้ง มีวงรอบปฏิบัติการวนไปรายชั่วโมงเหมือนเดิมทุกวัน และแล้วเจ้าหนูโคนันก็เจออีก เมื่อเจอเอกสารทางราชการ 3 ฉบับ ของกระทรวงกลาโหม ฉบับแรกลงวันที่ 25 เมษยน 2562 ในเอกสารมีการซักซ้อมการปฏิบัติการข่าวสารที่หน่วยเหนือมอบให้แต่ละวัน มีการสอนการโพสต์ว่า ไม่ต้องเรียงลำดับหัวข้อตามภารกิจที่มอบให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นบัญชีผู้ใช้ปลอมหรือเรียกว่าอวตาร มีการสนับสนุนค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ตทุกสิ้นเดือน เดือนละ 2,000 บาท” นายวิโรจน์ กล่าว
“… มีการประชุมผ่านวิดีโอเทเลคอนเฟอร์เร้นทุกวันจันทร์ – ศุกร์ มีค่าโทรศัพท์ที่กองทัพบกจัดสรรให้เจ้าหน้าที่ไอโอ เดือนละ 300 บาท และยังมีเงินรางวัล และประกาศนียบัตรให้กับเพจ และผู้ปฏิบัติงานที่มีผู้ติดตามสูงสุดในสื่อโซเชียลทุกเดือน รางวัลละ 3,000 บาท”
เผยกรุ๊ปไลน์ให้ประชาชนตรวจสอบ
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกองทัพจะทำเองโดยพละการไม่ได้ ต้องมีการคำสั่ง ดังนั้น ภารกิจคุกคามจึงเป็นการปฏิบัติการคำสั่งโดยมิชอบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม กระบวนการไอโอทั้งหมด ตนสืบทราบว่าจะมีภารกิจ 20 ภารกิจเศษ โดยจะมีกรุ๊ปไลน์ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มผู้บังคับบัญชา กลุ่มส่งมอบภารกิจให้กับหน่วยปฏิบัติการ และกลุ่มสำหรับการรายงานผลในแต่ละวัน โดยเจ้าหน้าที่แต่ละคนจะมีบัญชีปลอมสองบัญชีโดยตนขอเปิดข้อความบางส่วนในไลน์กรุ๊ปที่สอง ซึ่งระบุชัดเจนในการออกคำสั่งให้คุกคามพรรคอนาคตใหม่ด้วยโดยเฉพาะประเด็นเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร อีกทั้งยังให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจในเฟสบุ๊กต่างๆ ที่เป็นลบต่อรัฐบาล เพื่อ “ด้อยค่า” ฝั่งเห็นต่าง และยังมีภารกิจอวยเพจต่างๆ ที่เป็นบวกกับรัฐบาล
ทั้งนี้ระหว่างการอภิปราย นายวิโรจน์ได้นำเสนอ รหัสคิวอาร์โค้ดของกลุ่มไลน์ที่เขากล่าวว่าเป็นกลุ่มปฏิบัติการไอโอ และเชื้อเชิญให้ประชาชนที่รับชมการอภิปรายอยู่เข้าไปในกลุ่มไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบไปพร้อมๆ กัน
“นายกฯ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของท่าน ใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนยุยงปลุกปั่นประชาชน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็นเพียงปลายน้ำ ต้นน้ำ ที่ตนไปสืบเบื้องต้นเกี่ยวพันกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยบริษัทนี้ชื่อย่อว่า “พ. และ พ.” มีที่ตั้งอยู่ที่พญาไท โดยมีผู้ถือหุ้น 3 คน หนึ่งในนั้นมีตัวย่อ “ส.” ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวพันกับผู้ผลิตเนื้อหาสร้างความเกลียดชังป้อนให้กับหน่วยงานเหล่านี้”
นายวิโรจน์ กล่าวปิดท้ายว่า “วันนี้ผมพบคำตอบแล้ว ที่เราเกลียดกันไม่ใช่เพราะอยู่ดีๆแล้วเราเกลียดกัน แต่ในกระบวนการที่รู้เห็นนี้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของพล.อ.ประยุทธ์ ที่พยายามบ่มเพาะเมล็ดแห่งความเกลียดชังในสังคม โดยสั่งการให้กองทัพทำในสิ่งที่เสื่อมเสียเกียรติภูมิของทหาร ถึงเวลาที่ประชาชนต้องเลิกเกลียดกันเสียที เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของ พล.อ.ประยุทธ์
“ขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหากเกิดโศกนาฏกรรมที่คนไทยต้องฆ่ากันอีกครั้ง ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร ความผิดนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ ค่อนข้างฉกรรจ์ จนสภา และประชาชนมิอาจแค่ไม่ไว้วางใจ แต่แค่ให้อภัยก็ไม่สมควร” นายวิโรจน์ กล่าว
ที่มา: มติชน
ท่านขุน อย่าเอาความชั่วที่ตัวทำ ไปถามคนอื่น
26 ก.พ. 2563 เวลา 05.16 น.
wanna แจ้งตวามสิคะ ถ้าแน่จริง
26 ก.พ. 2563 เวลา 04.54 น.
R.KerePark ในข่าวไลน์นี้ก็ IO ทั้งนั้นครับ ชมรัฐบาล ด่าฝ่ายตรงข้าม ได้คนละ 300
26 ก.พ. 2563 เวลา 05.31 น.
Lek 56 🪷☝️⚓️⚙️🇹🇭 ต้นเหตุของปัญหา คือ พรบ คอม ที่งี่เง้า และการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพียงแค่ต้องการกำจัดศัตรูทางการเมือง เล่นงานฝ่ายที่เห็นต่าง ถามว่าน้อมูลเท็จบนเนตมีเยอะแยะไปหมด ไม่ไปจัดการบ้างล่ะ
26 ก.พ. 2563 เวลา 04.11 น.
satit supavanit 555555นึกว่าสะตอเก่งแต่3ตัวหลัก55555ที่ไหนได้ปั้นน้ำเป็นตัวเก่งกันทั้งพรรค555555เฮ้อๆๆๆๆๆ
26 ก.พ. 2563 เวลา 05.31 น.
ดูทั้งหมด