กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้วร้อยละ 97 ชี้การฉีดวัคซีนไม่ล่าช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาฉีดไปแล้ว 27,497 ราย ย้ำประชาชนการ์ดอย่าตก สวมหน้ากากอย่างถูกต้อง ให้ปิดปาก ปิดจมูก คลุมกระชับใบหน้า ลดความเสี่ยงแพร่และรับเชื้อโควิด 19 หลังผลสำรวจการสวมหน้ากากด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ 30 เขตในกทม. พบสวมหน้ากากไม่ถูกต้องและไม่สวมหน้ากาก ร้อยละ 4 แนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเย็นและวันหยุด
บ่ายวันนี้ (8 มีนาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด 19 ประเทศไทย ว่าขณะนี้แนวโน้มคงตัว จำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 100 ราย ในวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 71 ราย จากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 41 ราย, คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 7 ราย มาจากต่างประเทศเข้ากักตัวในสถานกักกัน/รักษาในโรงพยาบาล 23 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รักษาหาย 33 ราย ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 8 มีนาคม 2564 มีผู้ที่รักษาหายแล้ว 21,600 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.28 อยู่ระหว่างการรักษา 579 ราย โดยผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 48 ราย พบใน 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร 40 ราย กรุงเทพมหานคร 1 ราย ปทุมธานี 2 ราย ตาก 2 ราย และปราจีนบุรี 3 ราย จังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยเลย 14 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกัน 28 วัน จำนวน 40 จังหวัด
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ของประเทศไทยนั้น ถือว่าอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม ไม่ล่าช้า เห็นได้จากประเทศญี่ปุ่นที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ได้เริ่มฉีดก่อนหน้าไทยเพียง 1 สัปดาห์ และยังทำให้เราได้รับข้อมูลจากประเทศที่มีการฉีดมาก่อน ทั้งด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลในการป้องกันโรค ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม 2564 ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายใน 13 จังหวัด รวม 27,497 ราย ซึ่งการฉีดวัคซีนดำเนินการพร้อมๆ กันให้กับ 4 กลุ่มเป้าหมาย ในระยะแรกกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์จะได้รับการฉีดจำนวนมากก่อน เพื่อรักษาระบบการแพทย์และสาธารณสุข ในระยะถัดไปจะเพิ่มในกลุ่มประชาชนมากขึ้นเรื่อย ๆ
นายแพทย์เฉวตสรรกล่าวต่อว่า ผลการสำรวจการสวมหน้ากากด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AiMASK) พัฒนาโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 4 มีนาคม 2564 ตรวจสอบจากกล้องวีดีโอวงจรปิด 31 จุด ใน 30 เขตของกทม. พบว่า ร้อยละ 96.03 ใส่หน้ากากถูกต้อง ร้อยละ 2.36 ใส่ไม่ถูกต้อง และร้อยละ 1.61 ไม่ใส่หน้ากาก เขตที่มีอัตราการใส่หน้ากากถูกต้องมากกว่าร้อยละ 95 มี 17 เขต และเขตที่มีการสวมใส่หน้ากากถูกต้องน้อยกว่าร้อยละ 90 มีจำนวน 2 เขต และอยู่ระหว่างร้อยละ 90-95 มี 11 เขต ประชาชนมีแนวโน้มใส่หน้ากากไม่ถูกต้องและไม่สวมหน้ากากเพิ่มขึ้นในช่วงเย็นและช่วงวันหยุด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการสวมหน้ากากไม่ถูกต้องและไม่สวมหน้ากาก ร้อยละ 5 -10 จะดูเหมือนน้อย เมื่อเปรียบเทียบหากนั่งรถเมล์มีคน 10 – 20 คนต่อคัน หมายถึงจะมีคนที่ไม่ใส่หน้ากากอย่างน้อย 1 คนบนรถที่มีโอกาสแพร่เชื้อให้คนทั้งรถได้ จึงขอให้ทุกคนการ์ดอย่าตก เข้มงวดกับตัวเองและคนใกล้เคียง ให้สวมหน้ากากอย่างถูกต้อง โดยใส่หน้ากากปิดปาก ปิดจมูก ครอบคลุมกระชับกับใบหน้า เพื่อลดความเสี่ยงแพร่และรับเชื้อโควิด 19