ทั่วไป

“จีน–กัมพูชา” ให้คำตอบแล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics
เผยแพร่ 22 ม.ค. 2562 เวลา 22.01 น.
ภาพไฮไลต์

ความลับ…บ่งบอกความจริง

เคยตั้งคำถามว่ารัฐบาลจีนจะให้คำตอบแก่คนไทยและรัฐบาลไทยอย่างไรกับกรณีความเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่หนีคดีจำนำข้าวออกนอกประเทศ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จนกระทั่งมีข่าวจากเซาท์ มอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกง ได้รายงานว่า เอกสารในการเข้าบริหารบริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชั่นในฮ่องกง โดยไม่ได้ระบุว่าดำเนินธุรกิจอะไรกันแน่

แต่หลังจากที่เปิดบริษัทดังกล่าวเพียงแค่ 4 เดือน มีรายงานว่าได้เข้าไปนั่งเป็นประธานบริหารบริษัทซ่านโถ คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัลส์

บริหารท่าเรือซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ย้อนความไปอีกนิดยังมีการรายงานด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เดินทางออกจากประเทศนั้นได้ผ่านเข้าทางประเทศกัมพูชา และยังมีการระบุว่าได้ใช้พาสปอร์ตของกัมพูชาจึงเดินทางออกได้อย่างสะดวก

ซึ่งเรื่องนี้ทางการกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้ออกพาสปอร์ตให้แต่อย่างใด เนื่องจากอดีตนายกฯหญิงของไทยเป็นชาวต่างชาติ การจะออกหนังสือเดินทางให้จะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาและกษัตริย์ของกัมพูชาจะลงพระปรมาภิไธยเท่านั้น

หรืออาจจะเป็นพาสปอร์ตปลอมก็ได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อีกด้านหนึ่งสมเด็จฯฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ได้ลงนามคำสั่งยกเลิกการออกหนังสือเดินทางให้ชาวต่างชาติ ที่มาเป็นที่ปรึกษาหรือผู้ช่วยข้าราชการระดับสูงของกัมพูชา

หนังสือเดินทางที่ออกไปแล้วนั้นให้กระทรวงต่างประเทศเรียกเก็บคืนภายใน 1 เดือน

เท่ากับว่าต่อไปนี้ไม่สามารถใช้พาสปอร์ตกัมพูชา จะฉบับจริงหรือฉบับปลอมก็ตาม เพราะได้มีคำสั่งยกเลิกทั้งหมดแล้ว

ปัญหานี้ย่อมที่จะต้องหาคำตอบว่า ทำไมประเทศเพื่อนบ้านกันแท้ๆ และรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย

เพราะนอกจากจะมีคดีติดตัวแล้วยังนำไปต่อยอดเพื่อจดทะเบียนบริษัทในฮ่องกงและยังไปนั่งเป็นประธานบริษัทใน ประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลท้องถิ่นจีน

เท่ากับว่ารัฐบาลต้องทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี

สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทใหม่และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พ้นจากตำแหน่งประธานบริษัทเรียบร้อยไปแล้ว

นั่นเป็นปฏิกิริยาที่สอดรับกันอย่างเป็นรูปธรรม

คือไม่สามารถใช้พาสปอร์ตของกัมพูชาได้อีกต่อไปแล้ว และไม่สามารถดำเนินธุรกิจอย่างเปิดเผยในประเทศจีนได้

ก่อนหน้านี้ที่น่าสังเกตชัดเจนคือแม้ว่า 2 อดีตนายกฯของไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศจีน แต่มีข้อแม้ห้ามกล่าวถึงเรื่องการเมืองที่เกี่ยวกับประเทศไทย

ดังนั้น การดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองจึงต้องไปโผล่ที่ฮ่องกงหรือประเทศอื่น หากไม่ปฏิบัติคงถูกห้ามเข้าประเทศแน่

ด้วยเหตุและผลว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา หรือไทย-จีน ซึ่งมีความแนบแน่นกันด้วยดีมาตลอด

จึงต้องเข้าใจความรู้สึกของคนไทยและรัฐบาลไทย

การที่รัฐบาลกัมพูชาออกมาปฏิเสธเรื่องหนังสือเดินทางหรือการไม่ได้เป็นประธานบริษัทซัวเถา ก็เท่ากับว่าแคร์ต่อคนไทยและรัฐบาลไทยด้วยน้ำใสใจจริง

นั่นเท่ากับว่าวิธีการต่างๆนานาที่กระทำไปนั้น อย่าคิดว่าจะเป็นความลับดำมืด แต่ความจริงก็ต้องปรากฏไม่ว่าวันใดวันหนึ่ง

ยิ่งทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งคนที่มีสำนึกย่อมไม่กระทำเช่นนั้น.

“สายล่อฟ้า”

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 157
  • THANIT
    เหล่าคนดีกลัวไรไม่กล้าสู้เลือกตั้งแบบแฟร์เกมทั้งล้มทั้งเลื่อนออกแบบกติกาสุดเอียงทำทุกวิธีเพื่อจะชนะ ไม่เคยมีใครตำหนิใครในความอยุติธรรม เหล่าคนดีท่านมิได้ต่อสู้กับทักษิณหรอกท่านต่อสู้กับประชาชนท่านจึงพ่ายแพ้แม้นใช้ทุกกลโกง
    26 ม.ค. 2562 เวลา 05.47 น.
  • คนเลว ไม่มีแผ่นดินอยุ่
    23 ม.ค. 2562 เวลา 17.08 น.
  • ยังไงก็มีการล้างบ้างธิปไตยยุเเล้วเพื่อใครเสมออีสานจงเจริญอ่ะ
    23 ม.ค. 2562 เวลา 15.50 น.
  • พวกขี้ข้าจองนำ้ท่วมคอมึงตาย
    23 ม.ค. 2562 เวลา 15.44 น.
  • SAHWAN
    อำนาจเงิน ไม่เข้าใครออกใคร แต่ถ้าไม่เกรงใจซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ ขาดฉุ๋ย ที่เองข้าไม่ว่า ที่ข้าเองอย่าโว้ย เกลือ จิ้ม เกลือ ไม่จับก็ไม่ว่า แต่ดันมาตบหน้า ทนไม่ได้ มิตร หรือ ศัตรู หันหน้ามาว่ากัน โอเค...
    23 ม.ค. 2562 เวลา 10.31 น.
ดูทั้งหมด