“การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” แต่ไม่ได้หมายความว่าคำพูดจะไม่สำคัญ บางสถานการณ์คำพูดเป็นเหมือนคำสัญญา หลุดออกจากปากเมื่อไหร่ จะถอนหรือยกเลิกก็คงไม่ได้
เพราะฉะนั้นคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำ ดังนั้นจะพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พูดออกมา ถึงได้มีสำนวนที่ว่า “คิดก่อนพูด” เพื่อเตือนสติให้เรารู้จักรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเองมากขึ้น แต่มีบางคำพูดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ยังไงก็ไม่น่าพูด เพราะเมื่อพูดแล้วไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แถมบางครั้งยังทำให้แย่ลง อย่าง 4 คำนี้ ไม่พูดเลยดีที่สุด
“สิ่งที่ออกจากปากก็ออกจากใจ”
“ไม่” เป็นคำที่แสดงถึงการปฏิเสธ “ไม่ได้” “ไม่เอา” “ไม่ชอบ” “ไม่ดี” “ไม่ทำ” “ไม่เป็น” “ไม่ต้อง” และอีกสารพัดไม่ ลองคิดดูว่าถ้าชีวิตคุณมีแต่คำพูดที่บ่งบอกถึงการปฏิเสธ โอกาสที่จะก้าวหน้าหรือประสบความสำเร็จก็คงน้อยเต็มที เรียกว่ายังไม่ทันเริ่มต้นทำก็ปฏิเสธก่อนว่า “ไม่เป็น” หรือยังไม่ทันได้ลองก็บอกว่า “ไม่ได้” “ไม่ชอบ” เท่ากับเราปิดโอกาสที่จะเรียนรู้ ปิดโอกาสที่พัฒนาตัวเองไปโดยปริยาย
หลายคนใช้คำว่า “ไม่” เพื่อปกป้องตัวเอง เป็นคำพูดติดปากที่ใช้เป็นประจำจนไม่ได้คิดอะไร แต่รู้หรือไม่..อะไรก็ตามที่ทำจนเคยชินโดยไม่รู้ตัวว่าผิดหรือถูกนี่แหละ สร้างผลกระทบที่มหาศาลให้กับเราได้มากมายนัก ดังนั้นอย่าให้คำว่า “ไม่” กลายเป็นคำติดปากที่ปิดโอกาสของคุณเลย
คำว่า “เบื่อ” นอกจากจะเป็นการแสดงอารมณ์แล้ว ยังเป็นต้นเหตุของพฤติกรรมด้านลบอีกมากมาย ที่สำคัญยังทำให้ศักยภาพในการทำงานและการใช้ชีวิตลดลงด้วย เช่น หากได้รับมอบหมายงานชิ้นสำคัญก็จะประหม่า หมดกำลังใจ พาลให้คิดว่างานนั้นเกินความสามารถ ส่งผลให้งานออกมาไม่มีคุณภาพตามไปด้วย
แต่ก็ไม่แปลกที่คนเราจะเบื่อโน่น เบื่อนี่ มันต้องมีสักวัน สักช่วงเวลาที่คุณจะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเบื่อโลก แล้วร้องออกมาดัง ๆ ว่า “เบื่อ..ออ..ออออออ…” แต่อย่าทำให้ความเบื่อกลายเป็นความเคยชิน และเป็นคำพูดติดปาก เพราะถ้าติดปากเมื่อไหร่ คุณจะเผลอพูดออกมาเองโดยอัตโนมัติแม้อารมณ์ตอนนั้นจะไม่ได้กำลังเบื่ออยู่ก็ตาม
หลายคนใช้คำว่า “ถ้า” ฟุ่มเฟือยเกินไป “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ” “ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ใช่เลย” และอีกสารพัด “ถ้า..” ที่ใช้ขึ้นต้นประโยคจนกลายเป็นความเคยชิน ซึ่งการพูด “ถ้า..” บ่อย ๆ ก็แปลว่าเรายังไม่เชื่อมั่นกับสิ่ง ๆ นั้นมากพอ ยังกลัวที่จะผิดหวังหรือล้มเหลว
“ถ้า..” ก็เหมือนการเผื่อใจ กลัวตัวเองรวมถึงคนอื่นจะผิดหวัง และหากพูด “ถ้า” จนชิน เราก็จะไม่ได้เต็มที่กับมันมากพอ สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จกับอะไรสักอย่าง ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงคำว่า “ถ้า..” อย่าเคยชินกับมัน จงยืนหยัดในสิ่งที่คุณเชื่อมั่น แล้วผลลัพธ์จะออกมาดีจนคาดไม่ถึง
คำสบถ คือ คำพูดหรือคำด่าที่หลุดปากออกมาเพื่อแสดงถึงอารมณ์ความรู้สึก บางครั้งก็เป็นคำหยาบและมีความหมายในเชิงลบกับทั้งคนพูดและคนฟัง ซึ่งหลายคนรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ควรให้คำสบถหรือคำหยาบกลายเป็นคำพูดติดปาก แต่ก็มีบางคนที่อยู่กับคำเหล่านี้จนชิน คิดว่าเป็นคำพูดธรรมดา ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่จะต้องมาแก้ไข ชีวิตเรามีเรื่องที่กังวลมากกว่านี้อีกเยอะ แถมใคร ๆ ก็สบถกันทั้งนั้น ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้แปลว่าชีวิตคุณกำลังดิ่งลงแล้วล่ะ
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “สิ่งที่ออกจากปากก็ออกจากใจ” และอย่าลืม “สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล” คำพูดจะบอกให้รู้ว่าคุณเป็นคนอย่างไร ถ้าคุณใช้แต่คำหยาบ สบถออกมาโดยไม่รู้ตัวก็แสดงว่าคุณไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น และอาจทำให้คนอื่นมองคุณแย่ลงด้วย เพราะวิธีที่เราพูดสามารถกำหนดอะไรได้หลายอย่าง ทั้งความนับถือ ความสัมพันธ์ รวมถึงโอกาสในอนาคตข้างหน้า ดังนั้นลองถามตัวเองว่าคุณจะยอมให้คำสบถต่าง ๆ เหล่านี้มีผลกับตัวคุณงั้นหรือ
เก๋ ปากหวานก้นเปรี้ยว
ปากอย่างใจอย่าง
ปากว่าตาขยิบ.....
เคยได้ยินกันเนอะ ถ้าใครคิดว่าชาตินี้จะต้องพูดแต่ภาษาดอกไม้ ก็เรียนเชิญไปพูดคุยภาษาเดียวกันกับพวกเดียวกันเหอะนะ ถ้าคิดว่ามันสามารถวัดความจริงใจกันได้ก็เชิญค่ะ
07 มี.ค. 2561 เวลา 16.03 น.
ถ้าไอ้คนนั้นแมร่งพูดไม่ดีผมก็ไม่เชื่อและก็เบื่อมันด้วย!
07 มี.ค. 2561 เวลา 13.59 น.
ป้าไก่ บางคนพูดดี สำเนียงดี แต่ใจแมร่งไม่เหมือนที่พูด ตัดสินจากเรื่องนี้ไม่ได้
07 มี.ค. 2561 เวลา 13.41 น.
เยอะกว่า4คำนี้ก็พูดมาแล้วชีวิตก็ยังปังๆยุนะ
07 มี.ค. 2561 เวลา 13.01 น.
แป๊ก แมร่งเรื่องของกู
07 มี.ค. 2561 เวลา 13.03 น.
ดูทั้งหมด