นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมสภากรุงเทพมหานคร ในญัตติเรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบ 2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 37 เสียงจากผู้เข้าประชุม 38 เสียงเห็นชอบญัตติเพิ่มเติมเรื่องงบประมาณรายจ่ายปีงบ 2568 ให้จ่ายหนี้รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวจำนวน 14,549,503,800 บาท โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก กทม. มีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งปัจจุบัน กทม. มีเงินสะสมอยู่ 50,0000 ล้านบาท เพียงพอต่อการใช้หนี้ หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาพิจารณารายละเอียดคาดว่าจะสามารถอนุมัติชำระหนี้ได้ก่อนสิ้นปี 2567 จากเดิมที่คำพิพากษาระบุว่าจะต้องชำระจะต้องชำระหนี้ก่อนวันที่ 21 มกราคม 2568 พร้อมย้ำว่ากทม. ไม่ได้กลัวค่าปรับจนทำข้ามขั้นตอน ทุกอย่างทำอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และเชื่อว่าการชำระหนี้ก้อนนี้จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี จากการที่เอกชนนำเงินไปดำเนินธุรกิจต่อ ส่วนการพิจารณาหนี้รถไฟรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนที่เหลือในอนาคตจะดำเนินการอย่างไร ปัจจุบันมีหนี้ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครอง 1 คดี และเรื่องค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่หนึ่งและส่วนต่อขยายที่ที่สองในอนาคตตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทานปี พ.ศ. 2585 ที่จะหมดอายุสัญญาสัมปทาน รวมถึงสัมปทานการเดินรถพื้นที่ไข่แดง ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี พ.ศ. 2572 ก่อนโอนย้ายกลับมาอยู่ในการดูแลของกรุงเทพมหานคร จึงต้องมีการพิจารณาการดำเนินการต่อหลังจากนี้ ทั้งในส่วนของรายได้ ,โครงสร้าง และการซ่อมบำรุง เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ. การร่วมทุนฯ ขณะที่บรรยากาศในการประชุมพิจารณาญัตติดังกล่าวสมาชิกสภา กทม. ได้ผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายและโต้แย้ง ทั้งในเรื่อง การชี้มูลความผิดของ ปปช. และคำพิพากษาของศาลปกครองที่ถือว่าสิ้นสุดแล้ว รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยรายวันกว่า 2.7 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายสนับสนุนให้ กทม. เร่งชำระหนี้ เพื่อไม่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากดำเนินการล่าช้าเกรงว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง