มะเขือเทศ (Tomato) จัดว่าเป็นผลไม้เนื่องจากมีเมล็ด แต่นิยมนำมาปรุงเป็นอาหารคาว ขนม หรือกินแบบสดๆ คั้นเป็นน้ำ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของกลุ่มคนรักสุขภาพโดยเฉพาะสาวๆ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อาทิ วิตามินชนิดต่างๆ และสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน โทมามีน สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ ได้แก่ อย่าง ไลโคปีน ลูทีน ซีอาแซนทิน ไฟโทอีน และไฟโทฟลูอีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม เป็นต้น
น้ำผักผลไม้ กินติดต่อกันทุกมื้อเป็นเวลานานช่วยดีท็อกซ์ได้จริงหรือไม่ ?
ชาเขียวกับมัทฉะไม่เหมือนกัน! แต่สารต้านอนุมูลอิสระคับแก้ว!
เพราะมะเขือเทศ มีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ปกติในร่างกายมนุษย์เรานี้สามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้เป็นวิตามินเอได้ตามกลไกอันซับซ้อนของร่างกายเรา
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยการทำงานของการมองเห็น ให้มองเห็นในที่มืดได้ดี
- ลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ของลูกตา เยื่อบุตา กระจกตา
- สารพฤกษเคมีที่มีชื่อว่าไลโคปีนสูงมาก ที่มีสรรพคุณเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
- ช่วยปรับการทำงานของระบบฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันในร่างกาย
นักวิชาการหลายคนมีความเห็นว่า ไลโคปิน มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่าเบต้าแคโรทีนถึงสองเท่าตัว
เพราะมะเขือเทศสดอาจจะกินยากหลายคนเลยหันมาเลือกกินน้ำมะเขือเทศ(Tomato juice) แทน เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดื่มง่าย รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมทั้ง สามารถทำไว้ดื่มเองได้ แต่หากผู้บริโภคท่านใดไม่สะดวกสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมะเขือเทศได้ตามห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป ซึ่งมีให้เลือกกันหลากหลายชนิดตามความต้องการของผู้บริโภค
ต้องเป็นของเหลวขุ่น อาจตกตะกอนเมื่อวางทิ้งไว้
มีสีดีตามธรรมชาติของน้ำมะเขือเทศ
มีกลิ่นรสที่ดีตามธรรมชาติของน้ำมะเขือเทศและส่วนประกอบที่ใช้ ไม่มีกลิ่นรสอื่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นแอลกอฮอล์ กลิ่นรสเปรี้ยวบูด
ต้องไม่พบสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่ส่วนประกอบที่ใช้ เช่น เส้นผม ดิน ทราย กรวด ชิ้นส่วนหรือสิ่งปฏิกูลจากสัตว์
วัตถุเจือปนอาหาร
ห้ามใช้สีสังเคราะห์และวัตถุกันเสียทุกชนิด
- หากมีการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ให้ใช้ได้ตามชนิดและปริมาณที่กฎหมายกำหนด
ของหมักดอง กินบ่อยกินซ้ำ กระตุ้นมะเร็งหลังโพรงจมูก ภัยเงียบชายอายุน้อย
กินมะเขือเทศผ่านความร้อนดีกว่ากินสด?
มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่าโดยทั่วไป ปริมาณไลโคปีนในผลไม้และมะเขือเทศสดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อนำมะเขือเทศสดไปผ่านกระบวนการผลิตให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์มะเขือเทศชนิดต่างๆ พบว่าปริมาณไลโคปีนสูงขึ้นมาก เนื่องจากมีการผ่านกระบวนการทำให้เข้มข้นขึ้น
ดังนั้น อาหารอิตาเลียน พวกพิซซ่า สปาเก็ตตี้ ที่มีการแต่งรสด้วยซอส หรือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) ที่ผลิตจากมะเขือเทศ จึงเป็นแหล่งให้ไลโคปีนที่ดี แต่ควรกินแต่พอดี และกินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่เพื่อสุขภาพที่ดีมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : ฐานข้อมูลOTOP, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยฯ
7 อาหารคลายเครียด เพิ่มฮอร์โมนเชโรโทนิน ช่วยให้อารมณ์ดีลดความเมื่อยล้า
ไขมัน-คาร์โบไฮเดรต "ไม่ควรงด" มีส่วนช่วยบำรุงสมอง ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์