‘คนเสื้อแดง’ ทยอยเข้า ‘เพื่อไทย’ ขึ้นป้ายต้อนรับ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน พร้อมร้องเพลง ‘ป่าลั่น-บ้านเรา’
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันนี้ มีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดทยอยเข้าที่ทำการพรรคอย่างต่อเนื่อง และปักหลักอยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคารโอเอไอ และร้านกาแฟ ThinkLab ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความชื่นมื่น
โดยมีกลุ่มมวลชนบางส่วนได้ขึ้นป้ายสีแดงระบุข้อความ“ชาวสมุทรปราการ ยินดีต้อนรับ ท่านนายกฯ ดร.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย จากแดงเพื่อไทย” พร้อมนำรูปภาพอัดกรอบที่มีรูปของนายทักษิณ ที่ประกอบกับเนื้อเพลง“บ้านเรา” และบาป 7 ประการของมหาตมะ คานธี นำมาติดตั้งที่บริเวณที่ทำการพรรคด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงได้ร่วมกันร้องเพลง “ป่าลั่น” และเพลง “บ้านเรา” อย่างกึกก้อง เพื่อเป็นการต้อนรับนายทักษิณกลับประเทศเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในวันพรุ่งนี้ (22 สิงหาคม)
อย่างไรก็ตาม มหาตมา คานธี ได้เขียนหนังสือชื่อว่า The Story of My Experiments with Truth เนื้อความส่วนหนึ่งระบุถึง ‘บาป 7 ประการ’ ในทรรศนะของเขา ซึ่งภายหลังมีการแปลเป็นภาษาไทย ในชื่อหนังสือ “ข้าพเจ้าทดลองความจริง” โดยเรืองอุไร กุศลาศัย แปลไว้ว่า
1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ (Politics without principles)
การเล่นการเมืองที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หรือไม่ยึดหลักการของเสียงส่วนใหญ่ แต่มองว่าเสียงส่วนน้อยสำคัญกว่าเสียงส่วนใหญ่ การเล่นการเมืองมีลักษณะส่งเสริมการรัฐประหาร แต่ไม่ส่งเสริมการปกครองแบบประชาธิปไตย รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มบางคน
2.หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด (Pleasure without conscience)
ผู้ปกครองหรือนักการเมืองมุ่งเสพสุข หลงใหลอำนาจอิทธิพลเพื่อสร้างความเกรงกลัว โกงเงินจากประชาชนโดยวิธีที่แยบยลทำให้ราษฎรไม่ได้รับผลประโยชน์จากผู้ปกครอง หรือคนมีอำนาจ เพราะโกงกินจากงบประมาณไปจนหมด แถมยังสร้างภาระหนี้สินฝากความทรงจำแก่ราษฎรด้วย
3.ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน (Wealth without work)
ความร่ำรวยที่ไม่สุจริต ไม่ใช้ฝีมือหรือทักษะในการทำงานหาเงิน แต่หาเงินด้วยวิธีง่ายๆ คือการทำสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ค้ายาเสพติด การรีดไถเงินจากประชาชน การใช้อิทธิพลซ่อนเร้นแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ฯลฯ
4.มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี (Knowledge without character)
ระบบการศึกษาอาจไม่สามารถสอนคนให้เป็นคนดีได้ เพราะการศึกษาส่วนใหญ่เน้นแต่การทำหากิน แต่ไม่เน้นการทำประโยชน์สังคม ทำให้คนมีความรู้มุ่งแต่หาเงิน จนไม่มีเวลาสนใจปัญหาของสังคม ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาน้อยไม่เท่ากับคนที่มีความรู้ แต่อาศัยความรู้ทำสิ่งไม่ดี เช่น การคดโกง การเอาเปรียบสังคม การใช้อำนาจที่ไม่สร้างสรรค์ ฯลฯ หรือมีความรู้แต่ไม่ช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาสกว่า
5.ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลหลักธรรม (Commerce without morality)
เอาเปรียบแรงงาน พอขึ้นค่าจ้างก็โอดครวญ แต่ตัวเองร่ำรวยมหาศาลมีบ้านใหญ่โต, มีรถหลายคันจากการเอาเปรียบแรงงานมามาก ไม่ได้นึกถึงความถูกต้อง แทนที่จะเสียสละเพื่อสร้างคนงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีการเป็นเศรษฐีแบบนี้นับวันสังคมก็จะดูแคลน และไม่ให้ความเคารพนับถือหากเป็นคนที่ไม่นึกถึงประชาชนที่ลำบากยากจน
6.วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์ (Science without humanity)
คิดค้นวิทยาศาสตร์ทำให้มนุษย์ต้องเข่นฆ่ากัน เช่น การคิดระเบิดปรมาณู ผู้นำมาใช้ในสงครามเป็นผู้นำประเทศ แต่ไอน์สไตน์ถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่คำนึงถึงความเมตตาธรรม ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นอะไรมากมายก็อาจทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายธรรมชาติ
7.บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ (Worship without sacrifice)
บูชาพระ บูชาเทพเจ้า แต่ไม่มีธรรมะในใจ ไม่มีความเสียสละ จึงทำให้สังคมเดือดร้อนเพราะความหลงใหลไปในทางที่ผิด หลงผิดบูชาไสยศาสตร์เพื่อเป็นที่พึ่ง แต่ความเสียสละจะหมายถึงการยินยอมให้โอกาสเพื่อนมนุษย์ได้รับสิ่งดีสูงสุด ซึ่งเป็นวิธีแบบประชาธิปไตย