วันนี้ (10 สิงหาคม) อิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา พร้อมด้วย ชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสูงสุด (อสส.) และ ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงข่าวความคืบหน้าการแจ้งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อดำเนินคดี บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ที่สำนักงานอัยการสูงสุด หลังแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะทำงานดำเนินคดีเพื่อพิจารณาคำสั่งคดีอาญาทั้งหมด 6 คน โดยมี อิทธิพร แก้วทิพย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมี ชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ เป็นรองคณะทำงาน ซึ่งให้คณะทำงานมีหน้าที่ในการเรียกสำนวนคดีของวรยุทธมาเพื่อพิจารณาสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหากมีการซักถาม โดยคณะทำงานได้เรียกประชุมและตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้ว
โดยอิทธิพรระบุว่า จากการที่คณะทำงานได้ตรวจสอบกรณีความเร็วรถของวรยุทธ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าความเร็วที่ปรากฏในสำนวนอาจไม่ใช่ความเร็วที่จะทำให้สำนวนยุติได้ คณะทำงานพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสวนพยานเพิ่มเติมคือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในประเด็นเรื่องเคยร่วมตรวจสอบความเร็วของรถ ณ จุดที่ชนหรือไม่ หากเคย ความเร็ว ณ จุดที่ชนอยู่ที่เท่าไร, มีวิธีการคำนวณความเร็วรถอย่างไร และเคยส่งรายงานให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีเอกสารการคำนวณ ให้จัดส่งมาเพื่อประกอบในสำนวนด้วย
นอกจากนี้คณะทำงานยังให้สอบสวนเพิ่มเติมนายกสภาวิศกรถึงประเด็นใบประกอบวิชาชีพของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ที่ขาดการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะมีผลต่อการออกเอกสารรับรองมากน้อยเพียงใด และการคำนวณของ รศ.ดร.ประสิทธิ์ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีพบสารโคเคนในร่างกายวรยุทธนั้นเห็นว่า ในสำนวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับวรยุทธเป็นคดีใหม่
โดยคำสั่งทั้งหมดคณะทำงานได้สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้ ชาญชัยกล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวเป็นการที่พนักงานอัยการมีความเห็นให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็นสำคัญคือ ประเด็นการตรวจวัดความเร็ว เนื่องจากมีเหตุเชื่อได้ว่า หากได้พยานหลักฐานใหม่จะสามารถดำเนินคดีลงโทษผู้ต้องหาได้
ส่วนพยานหลักฐานในการตรวจวัดความเร็ว จะใช้ผลตรวจที่เผยแพร่ตามสื่อมวลชนหรือใช้วิธีการอื่นในการคำนวณความเร็วใหม่ ก็สามารถกระทำได้ รวมทั้งหากพบคลิปภาพความเร็วของรถ ซึ่งจะสามารถนำมาตรวจวัดใหม่ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะจะถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งการที่ความเร็วเปลี่ยนแปลง ไม่ได้หมายความว่าความเห็นเดิมจะเป็นเท็จ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ยุติในการคำนวณความเร็วที่น่าเชื่อถือได้ โดยยืนยันว่า ไม่มีธงในการทำสำนวน แต่จะเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
ทำไมไม่จำลองสถานการณ์คะ
ดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว
เอารถเฟอร์รารี่ แบบเดียวกันมาลองขับ
แล้ววิ่งผ่านกล้องดู เอารถมอเตอร์ไซค์
เอารถปิกอัพ เอาทุกคันมาจำลองวิ่งผ่าน
ตั้งแต่ 70,80,-100กว่า เอาความเร็วเปรียบเทียบกับความเร็วในกล้องวงจรปิด มาเทียบดูแล้วดูว่ารถเฟอร์รารี่วิ่งเท่าไหร่
11 ส.ค. 2563 เวลา 00.06 น.
หนุ่ม จัดการพ่อแม่ไม่สั่งสอน แถมปู่ย่าไม่สั่งสอน คงสอนว่าเงินซื้อทุกอย่างได้
10 ส.ค. 2563 เวลา 23.27 น.
New วิชาฟิสิกส์เป็นพื้นฐานในการสอบเข้านักเรียนเตรียมทหาร (นายร้อย 4 เหล่า) เรื่องคำนวณความเร็ว ระยะทาง จุด ก. ไปจุด ข. แรงเฉื่อย ฯลฯ มันไปไหนหมดละความรู้เหล่านี้
หรือง่ายๆ เลยรถมีกล่องดำอยู่ไหนละ
หมดละซึ่งศักดิ์ศรี เกียร์ติยศ
10 ส.ค. 2563 เวลา 23.13 น.
Jimmy Dew เรื่องคดีบอสไม่อยากรู้ล่ะ อยากรู้เรื่องของ จนท.ที่ทำเรื่องนี้ในอดีตมากกว่า ว่าจะลงโทษยังไง หรือมีช่องโหว่อีก
10 ส.ค. 2563 เวลา 21.04 น.
พรทิภา นิ่มแสวง นายกฯเต้นเป็นงิ้วออกโรง ลีลาเยอะสั่งตั้งคณะมาแดกเงินอีกจมหู
10 ส.ค. 2563 เวลา 21.03 น.
ดูทั้งหมด