เมลเบิร์น เมืองใหญ่สุดอันดับ 2 ของออสเตรเลีย ในรัฐวิคตอเรีย ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก กลายสภาพเป็นเมืองร้าง เมื่อวันพุธ (5 ส.ค.) หนึ่งวันก่อนเริ่มมาตรการปิดเมืองรอบ 2 แบบเข้มงวดที่สุดของประเทศเท่าที่เคยมีมา เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19
ย่านธุรกิจการค้าใจกลางเมลเบิร์น เมืองที่ได้รับนามฉายาว่า เมืองหลวงของคนมีสไตล์ (Hipster Capital) ของแดนจิงโจ้ เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มปิด ก่อนถึงวันเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนคนทำงานกว่า 250,000 คน ต้องหยุดงานอยู่แต่ในบ้านโดยอัตโนมัติ ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ ออกลาดตระเวนตามท้องถนนสายต่างๆ ของตัวเมือง เพื่อรับประกันว่าประชาชนจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัส เช่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่ฝ่าฝืน
รัฐวิคตอเรียซึ่งมีเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใหม่ 725 รายเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นสถิติใหม่สูงสุดรายวัน ขณะที่ส่วนที่เหลือทั่วออสเตรเลีย ตรวจพบเพียงแค่ 14 รายในวันเดียวกัน
การปิดเมืองเมลเบิร์น ประชากร 5 ล้านคน และมีกิจกรรมเศรษฐกิจประมาณ 1 ใน 4 ของออสเตรเลีย สร้างความอลหม่านโกลาหลพอสมควร เว็บไซต์ของรัฐบาลรัฐวิคตอเรียล่มในวันพุธ เมื่อบรรดาพนักงานลูกจ้างกลุ่มธุรกิจที่จำเป็น ซึ่งถูกยกเว้นจากการล็อกดาวน์ พยายาม ยื่นขอใบอนุญาตทางออนไลน์ เพื่อให้สามารถออกจากบ้าน เดินทางไปทำงานได้ตามปกติ ตั้งแต่วันพฤหัสบดี.
Dæng เสรีภาพ ต้องมาก่อน ใครใคร่อยู่ก็ป้องกันตัวเองไป ใครใครตายเพราะบอกว่าจำกัดเสรีภาพ ติดขึ้นมาก็ตายไป เป็นความสมัครใจ ว่าใครไม่ได้
06 ส.ค. 2563 เวลา 04.08 น.
CHRIS ถ้าเป็นที่เมืองไทย พวกฝ่สยเสี้ยนต้องออกมาด่าละ ทั้งการห้าม การลาดตระเวน ทั้งเรื่องเว๊บล่ม นี่ขนาดเมืองไทยมีแต่ตั้งด่านเป็นหลักนะ
06 ส.ค. 2563 เวลา 04.01 น.
tomman ฟาหรั่งบ้า หน้ากากมีไม่ใส่ ...คนไทยเราหาซื้อยังยากเลยตอนนั้น
06 ส.ค. 2563 เวลา 05.22 น.
X-Man วัยกระบือแดนสารขัณฑ์ยังออกมาเย้วๆ
เรียกร้องสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักอยู่เลย
06 ส.ค. 2563 เวลา 05.06 น.
ดูทั้งหมด