ทั่วไป

คำวินิจฉัยฉบับเต็ม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ยุบพรรคอนาคตใหม่

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics
อัพเดต 21 ก.พ. 2563 เวลา 10.49 น. • เผยแพร่ 21 ก.พ. 2563 เวลา 10.41 น.
ภาพไฮไลต์

เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็ม ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ห้ามร่วมตั้งพรรคใหม่

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ก.พ. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคําร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคําสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยผลการวินิจฉัย ประเด็นที่หนึ่ง ผู้ร้องมีอํานาจยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (8 ต่อ 1) วินิจฉัยว่า การดําเนินการกรณียุบพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 ของผู้ร้องนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ร้องมีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ว่า ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรณีมีการร้องเรียนว่ามีเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 92 ซึ่งนายทะเบียนฯ ได้มีคําสั่งตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเสนอต่อนายทะเบียนฯ แล้ว และนายทะเบียนฯ ได้นําเสนอต่อผู้ร้องเพื่อพิจารณา ผู้ร้องเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องกระทําการฝ่าฝืนมาตรา 72 อันเป็นเหตุให้ยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) จึงมีมติให้ยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นคดีนี้ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับกระบวนการดําเนินคดีอาญาที่แยกเป็นอิสระต่างหากจากคดีนี้ การยื่นคําร้องของผู้ร้องจึงชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ผู้ร้องจึงมีอํานาจยื่นคําร้องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ 

ประเด็นที่สอง มีเหตุสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา 72 ประกอบมาตรา 92 หรือไม่ 

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) วินิจฉัยว่า การที่พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันจะเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 72 นั้น เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 72 ได้กําหนดข้อห้ามไว้เพื่อป้องกันมิให้พรรคการเมืองไปเกี่ยวข้องกับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเหล่านั้น อันจะทําให้พรรคการเมืองกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุน หรือช่วยเหลือในการกระทําความผิดไปด้วย และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อสถาบันพรรคการเมืองของประเทศไทย อันเป็นมาตรการที่สําคัญเพื่อเสริมสร้างสถาบันพรรคการเมืองของประเทศไทยให้เป็นสถาบันที่มีความโปร่งใสและเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองต้องอาศัยรายได้ของพรรคการเมืองซึ่งกฎหมายกําหนด แหล่งที่มาไว้ตามมาตรา 62 ดังนั้น เงินส่วนใดที่พรรคการเมืองนํามาใช้จ่ายในการดําเนินกิจกรรมทาง การเมืองซึ่งมิได้มีแหล่งที่มาและวิธีการได้มาตามที่กฎหมายระบุไว้ ย่อมถือว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบ แม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มิได้บัญญัติห้ามการกู้ยืมสําหรับพรรคการเมืองไว้โดยชัดเจน แต่ก็ไม่ได้รับรองว่าให้กระทําได้ ประกอบกับพรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน และเงินกู้ยืมแม้มิได้เป็นรายได้แต่ก็เป็นรายรับ และเป็นเงินทางการเมือง การดําเนินการเกี่ยวกับการได้มาและการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมืองจึงต้องกระทําภายในขอบเขตที่กฎหมายกําหนดไว้เท่านั้น เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว การกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองจึงต้องสอดคล้องและเป็นไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

คําว่า “บริจาค” และ “ประโยชน์อื่นใด” ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เป็นคําที่มีความหมายเฉพาะในกฎหมายนี้เพื่อกําหนดสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายบังคับแห่งกฎหมายในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องการควบคุมการสนับสนุนทางการเงินที่ให้แก่พรรคการเมืองให้เป็นอิสระจากการถูกครอบงําของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล 

ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า งบการเงินประจําปี 2561 ของผู้ถูกร้องมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้อยู่เพียง 1,490,537 บาท แต่ผู้ถูกร้องกลับทําสัญญากู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคผู้ถูกร้อง รวม 2 ฉบับ รวมเป็นจํานวนเงินสูงถึง 191,200,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ถือเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคผู้ถูกร้องที่สามารถคํานวณเป็นเงินได้ เป็นการทําสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่เป็นตามปกติทางการค้าและไม่เป็นไปตามปกติวิสัยของการให้กู้ยืมเงินและการชําระหนี้เงินกู้ยืม ถือเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ถูกร้องที่สามารถคํานวณเป็นเงินได้ และเมื่อรวมประโยชน์อื่นใดที่ผู้ถูกร้องได้รับจากเงินกู้ยืมดังกล่าวกับเงินที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้บริจาคให้แก่ผู้ถูกร้องในปี 2562 จํานวน 8,500,000 บาทแล้ว ย่อมชัดแจ้งว่าเป็นกรณีการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกินสิบล้านบาทต่อปีซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 66 วรรคสอง 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากข้อเท็จจริงพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าวเห็นว่า การกู้ยืมเงินของผู้ถูกร้องมีเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นตามมาตรา 66 เมื่อการรับบริจาคดังกล่าวต้องห้ามตามมาตรา 66 จึงเป็นการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นโดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 72 กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องกระทําการฝ่าฝืนมาตรา 72 อันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา 42 วรรคสอง ประกอบมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3)

ประเด็นที่สาม คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองของผู้ถูกร้องจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 92 วรรคสองหรือไม่ อย่างไร 

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) วินิจฉัยว่า เมื่อผู้ถูกร้องได้กระทําการอันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง จึงต้องสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องแล้วจึงชอบที่จะมีคําสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องที่ดํารงตําแหน่งดังกล่าวอยู่ในวันที่ 5 มกราคม 2562 หรือวันที่ 11 เมษายน 2562 โดยกําหนดระยะเวลาของการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งให้เป็นไปตามหลักความได้สัดส่วนพอเหมาะพอควรแก่กรณีดังคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2562 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2562 ดังนั้น จึงให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องที่ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันที่มีการกระทําอันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องมีกําหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง 

ประเด็นที่สี่ ผู้ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจะไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกไม่ได้ ภายในกําหนดสิบปีนับแต่วันที่พรรคผู้ถูกร้องถูกยุบตามมาตรา 44 วรรคสอง หรือไม่ 

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) วินิจฉัยว่า เมื่อสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องแล้ว จึงต้องสั่งห้ามมิให้ผู้ซึ่งเคยดํารงตําแหน่งกรรมการบริหารพรรคของผู้ถูกร้องที่ดํารงตําแหน่งดังกล่าวอยู่ในวันที่ 6 มกราคม 2562 หรือวันที่ 11 เมษายน 2562 ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกภายในกําหนดสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 135
  • 𝑻𝒊𝒑𝒂𝒌𝒐𝒓𝒏.𝑵
    แล้วโต๊ะจีนโดนมั้ยน่าาา...แต่คงไม่โดนเพราะคนของข้า ข้าตั้งมาเองกับมือ อิอิ
    21 ก.พ. 2563 เวลา 11.34 น.
  • mon
    สิ่งชั่วร้ายที่ครอบงำประเทศไทย ก็ครอบงำต่อไป ระบบเก่าๆ คนแก่ๆ ก็คงอยู่จนตายไปเอง แก้กะโหลกกะลา ห่วงแต่เงิน หวงต่ำแหน่ง ทำได้ทุกทางเพื่อ รักษาอำนาจ ขนาด ปชช ไม่เลือก ยังเลือก สว มาเลือกตัวเอง ส่วนตัวก็ไม่เดือดร้อนอะไร แค่ เห็นสิ่งชั่วร้ายในประเทศ อนค คงต้องรอต่อไป เพิ่งตั้งพรรค ยังไม่เคยโกงกิน ก็ไปซ่ะแล้ว ก็ต้องรอ ต่อไป ตัองเข้าใจว่า อำนาจเก่าคลุมทุกอย่าง ทหาร องค์กร อิสระ ระบบยุติธรรม จะเอาอะไร ขนาดเสียบบัตรแทน ยังไม่ผิด ก็ไม่ต้องคิดล่ะ อยู่กันไปแบบแย่ๆ นี้ล่ะ
    21 ก.พ. 2563 เวลา 11.43 น.
  • ᶰᵖ〝
    เห้อรอดแล้วไม่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจละ สบายยยย #แดกเข้าไปให้อิ่ม
    21 ก.พ. 2563 เวลา 11.34 น.
  • noy
    ตั้งแต่ติดตามการเมืองมา ปัจจุบันนี้เล่นง่ายสุด​ ชนะตลอดชาติแน่ๆ#การเมืองไทยหลังการปฏิรูป
    21 ก.พ. 2563 เวลา 11.37 น.
  • jibjib
    ปท.ไทยมีกรรม...
    21 ก.พ. 2563 เวลา 11.36 น.
ดูทั้งหมด