“ทุกคน…ต่างกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงอยู่”
ทุกชีวิตคือตำราเล่มใหญ่ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจและเป็นเกียรติทุกครั้งในฐานะพิธีกรที่แขกรับเชิญไว้ใจแบ่งปันหลายมุมจากประสบการณ์จริงของชีวิตเขามาเล่าให้เราฟัง ทั้งใน "รายการคลับฟรายเดย์โชว์" หรือแม้แต่ล่าสุดกับ "ต้มยำอัมรินทร์" **ที่อั๋นทำอยู่ เคยมีบางคนมาคอมเม้นต์ว่าทำไมพี่อั๋น พี่อ้อยพี่ฉอดถึงชอบเอาเรื่องชีวิตรักของคนอื่นมาแชร์ให้คนเค้ามีปัญหากัน เชื่อไหมว่าคนที่พูดอย่างนั้นมั่นใจได้เลยว่าไม่เคยดูรายการและเมื่อคลับฟรายเดย์โชว์คือพื้นที่ของการรับฟังกันเรื่องของชีวิตและความรัก ใจคอจะให้หักมุมไปคุยเรื่องหุ้นกันรึยังไงละจ๊ะ
ล่าสุด แคทรียา อิงลิช เพื่อนสาวสวยคนเก่งของผม หนึ่งในนางเอกดังดาวค้างฟ้าของวงการ แวะเวียนมาเปิดใจคุยกัน โดยไม่คาดฝัน อั๋นเพิ่งรู้จากปากเธอว่าเกือบตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั้น แคทป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนถึงขั้นต้องพบแพทย์และทานยามาโดยตลอด อาการเริ่มตั้งแต่ช่วงเพลงฮูลาฮูล่า-ผีเสื้อราตรีกำลังดังสุด ๆ ยุคนั้นเลยแหละ
“Everyone is fighting a battle you know nothing about.
Be Kind.
Always” -Brad Meltzer
ทุกคนที่เราพบเจอ ล้วนกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงอยู่กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น มีเมตตาต่อผู้อื่นเสมอกันเถอะนะ
ข้อความนี้ลอยขึ้นมาในหัวสมองทันที ก็ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงที่มีพร้อมทุกอย่างในสายตาของคนทั้งโลกที่รู้จักเธอ สวย เก่ง ฉลาด เต้น ร้อง แสดง ชื่อเสียง เงินทองและเกียรติยศมากมาย จะกลับกลายเป็นคนที่มีมุมมืดมนเศร้าจนป่วยได้ขนาดนี้
“เคยดำดิ่งจนถึงเกือบจะคิดสั้นฆ่าตัวตายไหม” ผมถามด้วยความอยากเข้าใจจริง ๆ เชื่อไหม ในมุมที่ผมไม่เคยเห็น และไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น เธอร้องไห้สะอื้นออกมาทันทีในแบบที่พวกเราต้องน้ำตาไหลตามกัน
“3วันที่แล้วนี่เอง! แคทปีนหน้าต่างจะโดดตึกต่อหน้าแม่ของแคท แม่ตกใจมาก จนทำอะไรไม่ถูกไปหมด”
เธอเล่าไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ พร้อมน้ำตาที่ไหลพรากไม่หยุดจนหัวใจผมจุกแน่นไปหมด แต่แล้วในที่สุดการสัมภาษณ์ก็ดำเนินต่อไปสู่มุมอื่น ๆ ฉากใหม่ ๆ และสิ่งดี ๆ ผ่านเข้ามา รวมถึงความสำเร็จมากมายในวันนี้ที่ชีวิตของเธอกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง กับละครมากมายที่รอต่อคิวอยากให้เธอไปร่วมงานด้วยจนนับเรื่องไม่ถ้วน พร้อมกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอันสดใสแบบที่พวกเราคุ้นเคยคุ้นใจในความเป็น แคทรียา อิงลิช พร้อมกับคำยืนยันย้ำ ๆ ก่อนลาว่า
"จะไม่ยอมแพ้ และไม่มีวันปล่อยให้หัวใจกลับไปสู่จุดต่ำสุดแบบนั้นอีกแล้ว"
หลังจบรายการวันนั้น เรานั่งคุยกันต่ออีกนานพอสมควร
"ถามจริง ๆ นะแคท ในช่วงเวลาแบบนั้น ถ้าบังเอิญมีใครสักคนอยู่ตรงนั้น เธออยากให้คนคนนั้นทำอะไร บางทีคนที่อยู่ตรงนั้นทำตัวไม่ถูกนะ" ผมถามต่อด้วยความคาใจ
“อยู่เฉย ๆ อย่าพูด อย่าสอน อย่าอธิบาย อย่าปลอบ อย่าพยายามเข้าใจ แล้วฟัง ฟังแบบไม่ต้องคิดว่าจะตอบอะไร หรือจะถามอะไรต่อไม่ต้องแสดงความคิดเห็นและตัดสิน แค่ฟัง..”
สิ่งที่แคทตอบทำให้ผมนึกถึงครั้งหนึ่งที่ผมมีโอกาสได้ไปฝึกอบรมสั้น ๆ กับสมาคมแห่งหนึ่งที่ดูแลคนที่คิดจะฆ่าตัวตายโดยเฉพาะ เค้าพูดถึงเรื่องเดียวกันนี้เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า เราทุกคนต้องรู้จักและฝึกที่จะฟังแบบ
“Deep Listenning” หรือ “การฟังอย่างลึกซึ้ง” ให้เป็น มันเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของบทเรียนในการช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความแตกแยกหรือแม้สงคราม เป็นการฟังที่สอนให้เราฟังแบบไม่ต้องคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นผิดหรือถูกดี ดีหรือเลว เต็มไปด้วยความโกรธ หรือฉาบไปด้วยความเกลียดใด ๆ แค่ฟังอย่างตั้งใจเปิดใจ เห็นอกเห็นใจโดยมีจุดประสงค์เดียวใหญ่ ๆ คือคลายความเจ็บปวดในใจเขาโดยการระบายออกมา ด้วยการเริ่มต้นบอกให้เค้ารู้แค่ว่า "เรารู้ว่าเธอกำลังทุกข์ทรมานมาก เราเองยังไม่เข้าใจความยากลำบาก และทุกข์ที่เธอเป็นอยู่ได้มากเพียงพอหรอกนะ แต่เราอยากเข้าใจและเต็มใจที่จะเรียนรู้มันนะ ถ้าเธอจะเล่าให้เราฟัง"
และวันนั้นแคทก็เล่าให้ผมฟังจริง ๆ ส่วนผมก็พยายามฟังโดยพยายามจะไม่พูดอะไรเลยจริง ซึ่งทรมานคนพูดมากอย่างผมมากจนต้องนั่งฟังไปจิกเท้าตัวเองไปไม่ให้เผลอ
ก่อนจากกันวันนั้นเรากอดกันนิ่ง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำแต่กลับรู้สึกเหมือนได้คุยกันเป็นล้านคำ
4 ปีที่ไม่มีงานของ แคทลียา อิงลิช กับความคิดมากคิดน้อยใจสารพัดที่กัดกินความมั่นใจในคุณค่าของตัวเองนั้น น่าชื่นชมเหลือเกินที่วันนี้เธอเข้มแข็งพอ และกล้าที่จะพูดถึงมุมอ่อนแอมืดดำของตัวเองได้อย่างสง่างาม เพราะมันไม่ง่ายเลยกับการต้องประคองชีวิต พร้อมกับการแบกโรคซึมเศร้านั้นไว้บนบ่า จนกลับมายืนในวงการได้อย่างสว่างสดใสแถมยังสวยเป๊ะเหลือเกินอีกครั้ง
ผมตั้งใจเขียนถึงเพื่อนคนนี้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทั้งตัวของเธอเอง และใครอีกหลายคนที่อาจเคยรู้สึกไร้ค่าและรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่น่าอยู่อีกต่อไป ให้ได้เห็นว่าอดทนอีกนิดเถอะนะ ยอมแพ้น่ะมันง่าย อยู่ให้ได้ท้าทายกว่าตั้งเยอะ
แม้ฟ้ามันจะไม่สวยทุกวัน แต่ฟ้ามันก็ไม่ได้มืดมนทุกวันเช่นกัน
ในแต่ละวัน จะมีช่วงเวลาที่ฟ้าสวยที่สุดซ่อนอยู่ ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนไหนเมื่อไหร่ แต่มีอยู่..ทุกวัน
แล้วไม่อยากอยู่รอดูอีกซักหน่อยเหรอว่าฟ้าในวันพรุ่งนี้มันจะเปลี่ยนเป็นสีอะไร แล้วตอนไหนนะที่มันจะสวยที่สุด…
--
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก อั๋น ภูวนาท ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY
lek ตัวเองล่ะต่อสู้กับอะไร สมองคิดซิย่ะ
09 มี.ค. 2563 เวลา 03.20 น.
X-Man สาว
ยังแอ๊คอาร์ต
09 มี.ค. 2563 เวลา 08.11 น.
pop ต่อสู้เพื่อครอบครัว อย่างอื่นไม่สําคัญเท่าครอบครัว
09 มี.ค. 2563 เวลา 08.05 น.
M_JUM น้องพอล น่ารักค่ะ
09 มี.ค. 2563 เวลา 03.43 น.
ghun คุณอั๋นอยู่ฝั่งบันเทิงเหอะ อย่าข้ามไปฝั่งการเมือง เปลืองตัว เอาแบบฟังอย่างเดียว อย่าตัดสิน ยังมีมุมดีๆที่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
09 มี.ค. 2563 เวลา 09.02 น.
ดูทั้งหมด