"บิ๊นท์ สิรีธร" น้ำตาไหล แลนดิ้งถึงเมืองไทยพร้อมมงฯ มูลค่า 17 ล้าน ลั่นสุดขนลุกชีวิตพลิก คว้ามงกฏ "มิสอินตอร์เนชั่นแนล 2019" คนแรกของเมืองไทย พ่อแม่ร่ำไห้ภูมิใจลูกมาไกลเหลือเกิน เจ็บตัวปรับแต่งรูปหน้าเพิ่มความสวย ไม่ได้สะใจเอาชนะคำสบประมาท เตรียมแห่รอบเมืองวันที่ 24 พ.ย. ฝันอยากเข้าวงการ รับบทนางร้าย
“บิ๊นท์ สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์” นางสาวไทย 2562 เจ้าของมงกุฎ มิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมคว้ารางวัลพิเศษ Continental Queen of Asia มาครอง วันนี้(21 พ.ย.62) เจ้าตัวเดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยมีพ่อคุณแม่ ครอบครัว และแฟนนางงามไปรอต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิอย่างอบอุ่น ซึ่งปีนี้เป็นครั้งแรกที่เวทีการประกวดอนุญาตให้นำมงกุฏมิกิโมโต้ มูลค่ากว่า 17 ล้านบาท ออกนอกประเทศญี่ปุ่น โดยบิ้นท์เผยความรู้สึกตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน
"ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร บรรยากาศตอนที่มาจากญี่ปุ่นก็จะเงียบๆ แต่พอเครื่องบินแลนดิ้งก็มีคนมาต้อนรับ ตอนนั้นเราก็ตื่นเต้นระดับหนึ่งแล้ว แต่พอเดินออกมาที่หน้าประตู เจอคนมาต้อนรับเยอะมากรู้สึกใจเต้นแรกและน้ำตาจะไหลตลอด บิ๊นท์ขนลุกเลยไม่คิดว่าชีวิตจากเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมารอ แต่พอวันนี้มีคนมาต้อนรับก็รู้สึกน้ำตาจะไหลตั้งแต่ก้าวแรกเลย บิ๊นท์ดีใจและมีพลังมาก แล้วก็ภูมิใจว่าเราทำที่ให้ประเทศไทยได้แล้วนะ เพราะแฟนๆ ก็รอมงกุฎจากเวทีนี้มานาน"
"คุณพ่อร้องไห้ เพราะเซนซิทีฟมาก เพราะบิ๊นท์ไม่ได้เจอคุณพ่อมาร่วม 2 เดือนแล้ว เพราะติดภารกิจตั้งแต่เวทีนางงามกรุงเทพฯ นางสาวไทย จนมาถึงมิสอินเตอร์เนชั่นแนล หนูเองก็เหมือนคุณพ่อคือค่อนข้างเซนซิทีฟร้องไห้ง่าย น้ำตาจะไหลตาม ต้องบอกให้คุณแม่ช่วยปลอบคุณพ่อหน่อยเพราะไม่อย่างนั้นบิ๊นท์จะร้องไห้ตาม คือช่วงที่แข่งขันจะไม่ค่อยโทรศัพท์หาครอบครัว เพราะว่ากลัวว่าจะคิดถึงมากและหลุดโฟกัสจากการทำงาน ก็เลยคิดว่าไม่โทร.ดีกว่าและรอกลับมาเจอทีเดียว ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ตำแหน่งที่หนึ่ง เดี๋ยวก็ได้กลับมาสู่อ้อมอกคุณพ่อ-คุณแม่แล้ว แต่พอมันได้ปุ๊บมันก็ดีใจ แต่คุณพ่อ-คุณแม่ก็บอกว่าทำไมไปไกลขนาดนี้(ยิ้ม)"
อยากได้ที่หนึ่งแต่ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ มองว่าตัวเองเป็นม้ามืด
"คือเป็นคนที่มักจะกำหนดเป้าหมายของตัวเองไว้ไกลๆ คือที่ประกวดเราก็อยากได้ที่หนึ่งนะ แต่ว่าไม่ได้หวังมากว่าจะต้องได้ ที่ไม่ได้หวังไว้มากเพราะว่ากองประกวดเขาเก็บทุกอย่างเงียบมาก ไม่บอกไม่หลุดเลยอะไรเลย ไปรู้พร้อมกันวันสุดท้ายจริงๆ ส่วนตัวก็มองว่าตัวเองน่าจะเป็นม้ามืด เพราะตอนที่เก็บตัวมีตัวเก็งเยอะมาก แล้วปีนี้ผู้เข้าแข่งขันสวยและมีความสามารถมากๆ นั่นจึงเป็นอันนึงที่ทำให้เราไม่คิดว่าจะเป็นเรา จริงๆ ตอนแรกบิ๊นท์ก็เตรียมจับมือกับเวียดนามแล้ว เพราะคิดว่าอีกคนจะได้เพราะเขาตอบคำถามดี แต่พอประกาศว่าเป็นชื่อเราก็เลยตกใจ แว๊บแรกคือสมองไม่สั่งการแล้วจนเพื่อนเข้ามากอดก็เลยเป็นโมเมนต์ที่แบบดีใจมาก"
"คำตอบบนเวทีสำหรับบิ๊นท์ คือเชียร์ผู้หญิงให้ได้ทำสิ่งต่างๆ ซึ่งบิ๊นท์ได้เลือกการเชียร์จากประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นแรงบันดาลใจว่า ถ้าเกิดผู้หญิงธรรมดาอย่างบิ๊นท์ทำได้ พวกคุณก็ทำได้เหมือนกัน บิ๊นท์รู้สึกว่าความเป็นคนธรรมดาทุกคนต้องเคยเป็นมาก่อน ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นดาราเลย หรือไม่มีใครเกิดมาแล้วประสบความสำเร็จเลย บิ๊นท์คิดว่าเป็นคำตอบที่น่าจะให้แรงบันดาลใจกับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ ตอนนั้นเราก็แค่อยากสื่อสารออกไปว่าเราอยากให้ผู้หญิงทุกคนกล้าในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ และลงมือทำเลยถ้ามันเป็นความฝันเรา"
ไม่ได้สะใจเอาชนะคำสบประมาท เข้าใจว่าอยากได้ตัวแทนที่ดี ร้องไห้แค่วันแรกที่ถูกวิจารณ์เท่านั้น ภูมิใจทำให้ทุกคนหันกลับมารักได้
"ไม่เชิงคำสบประมาทหรอก เพราะว่าจริงๆ บิ๊นท์ก็เข้าใจว่าทุกคนอยากได้ตัวแทนประเทศที่ดีที่สุด คงไม่มีใครอยู่ดีๆ ลุกขึ้นมาด่าเพราะเราไม่สวยมันคงไม่ใช่เหตุผล บิ๊นท์มองว่าเขาอยากได้ตัวแทนที่ดี แต่ตอนนั้นก็ยอมรับว่าเรายังขาดในหลายจุดในเวทีนั้นเพราะเราเพิ่งจะเริ่ม"
"บิ๊นท์ไม่ค่อยท้อค่ะ เพราะบิ๊นท์เป็นคนที่ถ้ามีอะไรที่เข้ามาแล้วทำให้เราเครียด เราจะทิ้งเร็วมากเพราะเรารู้สึกว่ามันจะทำให้เราไม่พัฒนา และมันจะทำให้เราทำเป้าหมายที่หวังไว้ไม่สำเร็จ ก็เลยเลือกทิ้งไปก่อน แต่เราก็เก็บคำติมาปรับปรุงนะ ซึ่งวันนี้มันก็เป็นบทพิสูจน์นึงที่บิ๊นท์ทำให้ทุกคนเห็นได้แล้ว ไม่ใช่ความรู้สึกสะใจ แต่เป็นความรู้สึกว่าอยากให้คนภูมิใจในตัวฉัน บิ๊นท์เสียใจแค่วันแรก หลังจากได้ตำแหน่งและโดนด่าบิ๊นท์ตกใจร้องไห้ แต่พอวันที่สองเราก็คิดได้ว่าเขาคงติเพื่อก่อ ฉะนั้นเราเลยคุยกับทีมว่าต้องเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ พัฒนาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็อย่างที่ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครเกลียดขนาดนั้นหรอก ถ้าเราพัฒนาแล้ว สุดท้ายทุกคนก็กลับมารักเรา บิ๊นท์รู้สึกภูมิใจมากๆ"
จำคำวิจารณ์กระทบจิตใจไม่ได้ ไม่แคร์ต้องสวยที่สุดในการประกวด
"จำไม่ได้ค่ะ เพราะบิ๊นท์รู้สึกว่ามันเป็นคำวิจารณ์ภายนอกรูปลักษณ์เราอาจจะยังไม่ดี และบิ๊นท์เองก็ไม่ได้เป็นคนที่มายด์เรื่องรูปลักษณ์ขนาดนั้น บิ๊นท์ไม่ได้แคร์ว่าเราต้องสวยที่สุดในการแข่งขัน เรามองว่ามันเป็นความท้าทายที่ว่าฉันจะทำดีให้ดูเองว่าบิ๊นท์ทำได้"
ยอมเจ็บตัวปรับแต่งรูปหน้า โนศัลย์
"ส่วนสวยขึ้น ทำให้มั่นใจขึ้น สวยขึ้นก็ต้องขอบคุณคุณหมอจริงๆ บิ๊นท์ไม่ได้ศัลยกรรมแต่จะเป็นการปรับแต่งรูปหน้า ฟิลเลอร์ ไฮฟู เทอร์มาจ คือคุณหมอจะออกแบบและคุยกับเราตลอดว่าโอเคไหม ซึ่งหลายอันเรากลัว แต่หัวใจก็คิดอย่างเดียวเลยว่าเราจะเป็นตัวแทนประเทศนะ จะไม่ทำเหรอ จริงๆ บิ๊นท์ไม่เคยไปทำอะไรกับหน้าเลยจนกระทั่งครั้งนี้ที่เราต้องปรับรูปหน้านิดนึง เพราะเวลาออกกล้องหน้ามันจะขยาย ต่อให้หน้าจริงเราจะเข้ารูป แต่พอออกทีวีมันจะขยาย ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งในงานเราบิ๊นท์จึงยอมเจ็บตัว ปกติแล้วบิ๊นท์จะกลัวมาก และค่อนข้างพอใจในหน้าเดิมของตัวเองอยู่แล้ว"
อิ่มใจ ภูมิใจในความสำเร็จมากที่สุดในชีวิต
"ภูมิใจมากที่สุดในชีวิตแล้ว บิ๊นท์ก็เคยคิดตั้งแต่เด็กๆ เวลามองนักกีฬาโอลิมปิกหรือนักกีฬาระดับชาติเขาได้เหรียญทอง รู้สึกว่าเขาเท่จังเลย เขาเป็นตัวแทนประเทศ เขาขลังมาก แล้วเราอยากทำอะไรให้ประเทศอย่างนั้นได้บ้าง แต่ตอนเด็กๆ เราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะทำได้ จนกระทั่งเราได้ลองเดินตามความฝันที่เราอยากทำจริงๆ และมันทำได้ ก็เลยมีความสุขและอิ่มใจมาก ยิ่งวันนี้เห็นทุกคนมาต้อนรับก็ยิ่งดีใจมากๆ"
"ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปยังไง บิ๊นท์เพิ่งกลับมาไทยยังไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าชีวิตเปลี่ยนแล้วนะ แต่เรายังรู้สึกว่าเป็นตัวเราเยอะอยู่ดี แต่ถ้ามาถามหลังจากนี้อาจจะเปลี่ยนคำตอบ แต่ตอนนี้ยังเป็นคนเดิมยังเหมือนเดิม"
"ภารกิจหลังจากนี้ หลักๆ ก็จะมีงานด้านการกุศล แล้วก็มีออกรายการต่างๆ นะคะ ก็ติดตามรอชมสัมภาษณ์ได้ช่วงเวลานั้นอาจจะเหนื่อยและเปลี่ยนคำตอบได้(หัวเราะ)"
ขอบคุณอนุญาตให้นำมงกุฎมูลค่า 17 ล้านกลับมาบ้านเกิด เป็นครั้งแรกที่เวทีอนุญาตให้นำออกนอกประเทศญี่ปุ่น
"ต้องขอบคุณทีมไทยมากๆ นะคะ ที่ทำให้เรานำมงกุฎนี้มาได้ คือเราพาคนดูแลมากับเราเลย ถ้าเกิดว่าไม่มีคนดูแลจากฝั่งเขามา เขาจะไม่อนุญาตให้เอาออกมา เขาเคยเล่าว่าหลายครั้งเขาต้องนอนกอดมงกุฎหลับบนเครื่องเลย เขาบอกว่าเขาแทบจะล่ามมงกุฎไว้กับตัวเอง(หัวเราะ) เพราะราคา 17 ล้านมันสูงมาก ซึ่งทางมิกิโมโต้เขาก็กังวล แต่ตอนนี้ก็ทำประกันเรียบร้อยแล้ว มงกุฎนี้จะอยู่กับเรา 5 วันจนถึงวันอาทิตย์ก็อาจจะได้เห็นในหลายๆ รายการค่ะ"
เตรียมแห่รอบเมืองวันที่ 24 พ.ย.
"ก็มีแฟนๆ เรียกร้องมาว่าอยากเห็นสักครั้ง เพราะสมัยรุ่นพี่สองคนก็มีการแห่ ซึ่งทางทีมงานก็ได้สรุปว่าเป็นวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ 16.30 น. แถวช่วงสวนลุมพินี ถึงงานกาชาด ไปเจอกันได้ เดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดอีกทีค่ะ"
เตรียมสานต่อโครงการที่เกี่ยวกับสุขภาพ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ยั่งยืน
"จริงๆ บิ๊นท์ยืนตรงนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือคำพูดและกระบอกเสียง ที่ง่ายที่สุดเป็นกระบอกเสียงเลย ตัวบิ๊นท์เป็นเภสัช ดังนั้นจึงมีความสนใจในเรื่องสุขภาพของคนไทย ซึ่งช่วงเวลาที่ไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น บิ๊นท์ก็ได้อะไรหลายๆ อย่างในด้านนี้เพราะบิ๊นท์ไปเยี่ยมชมเขาดำน้ำเก็บไข่มุก และคนที่ดำน้ำอายุ 60 กว่าหมดเลย แต่เขาสามารถดำน้ำเย็นประมาณ 10 องศาได้"
"บิ๊นท์ก็เลยถามเขาว่าเขาทำอย่างไร ซึ่งบิ๊นท์ว่ามันน่าสนใจมาก การกินการออกกำลังกายมีผล การกินของประเทศญี่ปุ่นแตกต่างจากการกินของไทยเยอะ บิ๊นท์ว่าการกินของไทยยังมีส่วนประกอบที่ทำให้คอลเลสเตอรอลสูง บ้านเขาซีเรียสเรื่องแคลอรี่มาก ซึ่งมันดีเพราะมันทำให้อายุเขายืน มันเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศไทย และบิ๊นท์ก็อยากสานต่อโครงการอะไรแบบนี้ที่จะทำให้สุขภาพคนไทยดียั่งยืนได้"
"ส่วนภารกิจที่ญี่ปุ่นเดี๋ยวเขาจะแจ้งเรื่อยๆ แต่ภารกิจหลักคือมอบมงกุฎให้มิสอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศต่างๆ อันนี้แฟนคลับจากต่างประเทศเขาก็รอเจอเราเหมือนกัน ก็ดีใจนะคะที่จะได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมประเทศอื่นๆ ดูวัฒนธรรมเขา มันมีประโยชน์กับตำแหน่งเราเพราะตำแหน่งเราต้องมีความรู้ของชาติอื่นๆ เพื่อที่จะมาปรับปรุงประเทศเราด้วย"
สนใจงานในวงการบันเทิง อยากเล่นบทนางร้าย อนาคตอยากทำร้านยาชุมชน
"ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีโอกาสใหม่ ซึ่งบิ๊นท์ก็มีโอกาสด้านนี้เข้ามาทางด้านวงการบันเทิงและงานการกุศลบิ๊นท์ก็สนใจด้านนี้ บิ๊นท์อยากตักตวงสิ่งที่เราเคยอยากทำตอนเด็กๆ ส่วนเรื่องเภสัชมันอยู่ในตัวบิ๊นท์อยู่แล้ว บิ๊นท์ไม่ได้กลัวว่ามันจะหายไปเลย เพราะเราไม่มีทางทิ้งอาชีพนี้ได้ เพราะก็มีแพลนว่าในอนาคตถ้าอยู่ตัว อายุมากหน่อยก็อยากทำร้านยาชุมชน แต่ก็ต้องดูกันต่อไปเพราะมันก็เป็นแพลนในระยะยาว แต่ตอนนี้เราก็โฟกัสกับโอกาสใหม่ที่เข้ามาด้วย ส่วนงานวงการบันเทิงส่วนตัวก็สนใจค่ะ เพราะตอนเด็กๆ ก็ชอบดูละคร บิ๊นท์ไม่ได้มองบทนางเอกแต่มองบทนางร้ายเพราะมันดูสนุก แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ความเหมาะสม"
"ก็ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนจริงๆ เพราะตอนที่บิ๊นท์อยู่ญี่ปุ่น มันคือการอยู่คนเดียว แต่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้นอกจากครอบครัวและทีมงานก็คือแฟนๆ ชาวไทย บิ๊นท์เข้าไปอ่านคอมเมนต์และได้พลังกลับมาเยอะมาก บิ๊นท์ไม่เคยคิดว่ากำลังใจจากคอมเมนต์จะมีอิมแพ็คกับเรามากขนาดนี้ จนกระทั่งอยู่คนเดียว มันอิ่มใจจนไม่กลัวอะไรเลย เพราะรู้สึกว่าเราเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของประเทศไทย แล้วข้างหลังมีคนสนับสนุนเราเต็มเลย เราต้องกลัวอะไร มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจและได้มงกุฏมาด้วยค่ะ(ยิ้ม)"
สวยทั้งรูปและใจ ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขอให้คงความน่ารักไแตลอดนะ อย่าหลงในสิ่งที่เขามาล่อ
22 พ.ย. 2562 เวลา 02.41 น.
ฝ้าย ยินดีด้วยจ้า
22 พ.ย. 2562 เวลา 00.48 น.
น่ารัก
21 พ.ย. 2562 เวลา 22.27 น.
empty ยินดีด้วยนะคะ ภาคภูมิใจกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องด้วยค่ะ
21 พ.ย. 2562 เวลา 21.42 น.
บางมุมหน้าคล้ายโบ เมลดา
21 พ.ย. 2562 เวลา 20.53 น.
ดูทั้งหมด