ทั่วไป

ส่อพลิก! 4 พยานพ่อชมพู่แฉไม่อยู่นาออกบ้านสาย-ไม่รู้จัก จี้ให้พูดจริง

Amarin TV
เผยแพร่ 09 ก.ค. 2563 เวลา 19.07 น.
“เเสงโต” สามีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านขัวสูง บอกไม่เห็นพ่อน้องชมพู่ เพราะไม่ได้มอง จึงไม่กล้าเป็นพยานให้ “ธนกฤต” สามีผู้ใหญ่บ้านขัวสูงยันสวนทางรถไถพ่อน้องชมพู่หลัง 9 โมง มั่นใจลุงพลบริสุทธิ์ เเต่สงสัยพ่อน้องชมพู่ ใช้เวลาเดินทางนาน

กรณีเมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 ที่ผ่านมา นายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์ผ่านอมรินทร์ทีวี โดยเบื้องต้นได้ชี้แจงว่า "พ่อไม่เคยรู้เลยว่า มีคนเห็นพ่อ 4 คน ที่ออกมาบอกว่า จะเป็นพยานให้พ่อ" 

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

"แฟนช่างวา เห็นพ่อ เพราะว่าเขาเลี้ยงควายอยู่ที่นั่นตลอด แล้วก็มี 2 คน ที่เป็นแฟนผู้ใหญ่บ้าน กับแฟนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านขัวสูง แล้วก็อีกคนคือ ป้าปาน ที่อยู่บ้านกกกอก" 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นางอยู่ เวลาที่พบ 08.30 น. ที่นา

นายธนกฤต เวลาที่พบ 09.22 น. ถนนบ้านกกกอก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นางมิน เวลาที่พบ 10.00 น. ที่นา

นายแสงโต ไม่พบพ่อชมพู่ 

ล่าสุดวันที่ 9 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ได้พูดคุยกับ นายเเสงทิศ อุทธาพันธ์ หรือเเสงโต สามีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านขัวสูง บุคคลที่พ่อน้องชมพู่อ้างว่าเห็นตอนขับรถไถ ซึ่งนายเเสงโต ระว่าไม่เเน่ใจว่าเห็นหรือไม่

นายเเสงโต เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ตนขับรถไถออกจากบ้านที่หมู่บ้านขัวสูง เพื่อจะไปรับจ้างหยอดข้าวที่หมู่บ้านกกกอก ที่เดียวกับนายธนกฤต โดยออกจากบ้านเวลาเดียวกัน ประมาณ 08.37 น. เเต่ขับรถคนละคัน ซึ่งตนไปถึงนาก่อน เพราะนายธนกฤต เเวะซื้อน้ำเเข็ง เเต่ตนไม่เเน่ใจว่าเห็นพ่อน้องชมพู่หรือไม่ เพราะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว หรือพ่อน้องชมพู่อาจจะเห็นตน เเต่ตนไม่ได้มอง ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะเป็นพยานให้พ่อน้องชมพู่ เพราะไม่มั่นใจ

พิกัดพยานพบพ่อชมพู่ไม่อยู่ที่นา นางอยู่ พบพ่อชมพู่ที่นา เวลา 08.30 น. นางมิน พบพ่อชมพู่ที่นา เวลา 10.00 น. และนายธนกฤต พบพ่อชมพู่ที่ถนนบ้านกกกอก

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายธนกฤต หลาบโพธิ์ สามีผู้ใหญ่บ้านขัวสูง เเละเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเเม่น้องชมพู่ คนที่ยืนยันว่าเห็นพ่อน้องชมพู่ในวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 09.20 น.

นายธนกฤต ยืนยันว่า ตนเห็นในเวลาดังกล่าวจริง โดยวันที่ 11 พ.ค.63 ตนขับรถอีเเต๋น เพื่อจะไปรับจ้างหยอดข้าวในหมู่บ้านกกกอก โดยออกจากบ้านเวลา 08.30 น. เเล้วเเวะซื้อน้ำเเข็งที่ร้านค้า จากนั้นออกจากร้านค้า เวลา 08.37 น. เดินทางมุ่งหน้าบ้านกกกอก

เเต่ระหว่างทาง เวลาประมาณ 09.20 น. ได้ขับสวนทางกับพ่อน้องชมพู่ ซึ่งพ่อน้องชมพู่ขับรถไถสีส้ม สวนมาจากหมู่บ้านกกกอก ก็ได้มีการพยักหน้าทักทายกัน ซึ่งพ่อน้องชมพู่ขับรถมาคนเดียว ส่วนการเเต่งกายตนเองจำไม่ได้ ยืนยันว่าเห็นเวลาดังกล่าวจริง เเละตอนนั้นพ่อน้องชมพู่ยังขับรถไม่ถึงนา

ส่วนกรณีที่พ่อเเม่น้องชมพู่ สงสัยว่าลุงพลเป็นคนร้าย ตนเองไม่เชื่อว่าลุงพลจะก่อเหตุ "เป็นไปไม่ได้" ตอนนี้รู้สึกสงสารลุงพลมาก เเต่ตนเองกลับรู้สึกสงสัยพ่อน้องชมพู่ ที่ให้ข้อมูลว่าออกจากบ้าน เวลา 07.30 น. ซึ่งควรจะถึงนาไม่เกิน 07.37-07.40น. เเต่เหตุใดตนเองจึงเห็นหลังเวลา 09.00 น. อีกทั้งยังรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดไม่ขึ้นไปดูลูก เพราะหากเป็นลูกของตนเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะต้องขึ้นไปดูลูกให้ได้

อย่างไรก็ตาม ฝากไปถึงคนร้ายตัวจริง ออกมารับสารภาพกับสิ่งที่ทำ อย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน เพราะชาวบ้านเดือดร้อน "อย่ามัวเเสดงละคร"

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านกกกอก ตลอดเส้นทางตั้งเเต่บ้านน้องชมพู่ จนสิ้นสุดเขตชุมชน ว่ามีใครเห็นรถไถพ่อน้องชมพู่ ในวันที่ 11 พ.ค.63 บ้างหรือไม่ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ชญานันท์ เงินนาม เเม่ค้าขายอาหาร เยื้อง ๆ กับปากซอยทางเข้าบ้านน้องชมพู่ บอกว่าเห็นรถไถพ่อน้องชมพู่ในวันดังกล่าว

นางชญานันท์ เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค. ขณะที่ตนกำลังจัดของอยู่หน้าร้าน เห็นพ่อน้องชมพู่ ขับรถไถคันสีส้ม ออกมาจากซอย ซึ่งจำช่วงเวลาที่เเน่ชัดไม่ได้ เพราะไม่ได้ดูนาฬิกา เเต่มั่นใจว่าเกินช่วง 08.00 น. ไปเเล้ว โดยตนเองเห็นรถไถคันดังกล่าวเเค่รอบเดียว ส่วนขากลับไม่ทราบว่ากี่โมง เพราะตอนนั้นตนอยู่ในบ้าน จึงไม่เห็น ส่วนเรื่องการเเต่งกาย ตนจำไม่ได้ เพราะผ่านมาหลายวันเเล้ว

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ทดสอบการไถนา ด้วยรถไถขนาด 47 แรง ซึ่งใหญ่กว่าของพ่อน้องชมพู่อยู่ที่ขนาด 36 แรง โดยทีมข่าวเริ่มการทดสอบในนาขนาดครึ่งไร่ ที่ยังไม่ทำการไถ สภาพติดไม่แข็งมาก โดยทีมข่าวลองไถไป พร้อมจับเวลาการไถต้องใช้เวลาเนื่องจากต้องมีการยกคันไถไปด้วย คลาดคันไถไปด้วย ซึ่งทีมข่าวไม่ชำนาญการไถ ใช้เวลาการไถทั้งสิ้น 20.30 นาที

ทีมข่าวขับรถด้วยเกียร์ 2 ชาวบ้านบอกว่าปกติจะใช้เกียร์ 4 ในการขับบนถนน ซึ่งทีมข่าวจึงลดเกียร์ลงมา เพื่อให้ความเร็วอยู่ในระดับใกล้เคียง ทีมข่าวขับได้ความเร็วราว 8-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการเหยียบมิดเท้า

โดยเมื่ออกจากหมู่บ้านมาถึงจุดที่สวนทางกับนายธนกฤต พยาน ซึ่งพบว่าใช้เวลาราว 10 นาที จากนั้นขับต่อไปจนถึงที่นาของยายอุ่น ซึ่งอยู่ริมถนน ห่างจากบ้านราว 2 กิโลเมตร ใช้เวลารวม 15.36 นาที

ทั้งนี้นายอนามัย จะใช้เวลาไถนามากกว่า โดยใช้เวลา 3.22 ชม. เมื่อเทียบกับพื้นที่ 1 ไร่ของคนทั่วไป ซึ่งมีนายอนันชัย ที่สามารถใช้เวลาแค่เพียง 1.30 ชม./ไร่ จึงกลายเป็นข้อสงสัยว่า ทำไมพ่อน้องชมพู่ถึงใช้เวลานาน 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 38
  • Nong sandy
    นักข่าวทำหน้าที่เกินขอบเขต ถ้าจะขนาดนั้นไปสมัครเป็นตำรวจเถอะกูว่า วุ่นวายจนพนักงานสอบสวน เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแถมยังทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดกันและระแวงกันไปหมดแล้วบ้าจริงๆ
    09 ก.ค. 2563 เวลา 22.57 น.
  • add
    นักข่าวไปทำข่าวอื่นบ้างเถอะ ไปถามชาวบ้านเอามาเสนอจะรู้ได้อย่างไรว่ามีการเสี้ยมใส่ไข่คำพูดหรือไม่ แต่ผลชาวบ้านเขาทะเลาะกัน ไม่ไว้ใจกัน จนทำให้หลายคนเป็นจำเลยสังคม ถามเรื่องเวลา ลองดูซิว่ามีชาวบ้านคนไหนใส่นาฬิกาไปทำนา ไปตลาดบ้าง เวลาเจอใครก็ต้องดูเวลาหรือว่าเจอกี่โมง ปล่อยให้ตำรวจทำหน้าที่หาพยานหลักฐานไปเถอะครับ
    09 ก.ค. 2563 เวลา 23.25 น.
  • สวยที่สุด
    พิจารณาตัวเองเถอะสื่อ สร้างภาพจำลอง เพิ่มตัวแปร มันใช่หน้าที่ของสื่อมั๊ย? ทำให้เรื่องบานปลายยุ่งเหยิง ไปถามคนนั้นคนนี้ทำยังกับว่าเป็นตำรวจซะเอง จะเผาคนทั้งหมู่บ้านเลยหรือไง น่าเบื่อมาก แล้วหมาล่ะ? ไปถามมันอีกทีมั๊ย หรือมันจะโดนฆ่าปิดปากไปแล้ว สื่อ(ส. ท.ร)
    09 ก.ค. 2563 เวลา 23.32 น.
  • j.somchai
    จับต้นชนปลายไม่ถูกงานนี้เริ่มมั่วตำรวจเริ่มปวดหัวผู้อ่านข่าวเริ่มสับสนสุดท้ายคงหาผู้กระทำผิดไม่ได้..คนตายก็เป็นเด็กหลักฐานต่างๆก็คงหาลำบาก..
    09 ก.ค. 2563 เวลา 22.40 น.
  • กนิษฐา
    อ้าว!จะได้นั้น...
    09 ก.ค. 2563 เวลา 21.47 น.
ดูทั้งหมด