เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี ฮัซซัน รูฮานี ของอิหร่าน ระบุในวันอังคาร (18 มิ.ย.) ว่าอิหร่านจะไม่ทำสงครามกับชาติใด แม้เพนตากอนประกาศเพิ่มกำลังพลในตะวันออกกลางอีกกว่า 1,000 นาย โดยก่อนหน้านั้นเตหะรานขีดเส้นตายเพิ่มปริมาณสำรองยูเรเนียมภายใน 10 วันถ้ายุโรปไร้ข้อตกลงนิวเคลียร์ใหม่ ด้านจีนเทศนาอเมริกาไล่บี้อิหร่านไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ
รูฮานี ระบุในการปราศรัยว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ที่ต้องการจะโดดเดี่ยวอิหร่านนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ชี้คณะบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นพวกไร้ประสบการณ์ด้านกิจการระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่าอิหร่านนั้นไม่ได้ใฝ่หาการสู้รบ
"อิหร่านจะไม่ทำสงครามกับชาติใด แม้ว่าชาวอเมริกันทั้งมวลจะพยายามอย่างหนักในภูมิภาคตะวันออกกลาง และมีความปราถนาที่จะตัดสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับทั่วโลก พวกเขาอยากให้อิหร่านนั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ" รูฮานี กล่าวในการปราศรัยที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ
แพทริก ชานาฮาน รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 มิ.ย.) ว่าการโจมตีของอิหร่านที่ผ่านมายืนยันความน่าเชื่อถือของข่าวกรองที่อเมริกามีเกี่ยวกับพฤติกรรมอันเป็นปรปักษ์ของกองกำลังอิหร่านและกลุ่มตัวแทนที่คุกคามเจ้าหน้าที่และผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง
ชานาฮานยังระบุว่า จะส่งทหารไปเพิ่มในภูมิภาคดังกล่าวอีกกว่า 1,000 นาย จากที่เพิ่งประกาศเพิ่มไป 1,500 นายเมื่อเดือนที่ผ่านมาเพื่อตอบโต้การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำนอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนดังกล่าว หลังจากก่อนหน้านั้นวอชิงตันยกระดับมาตรการแซงก์ชันโดยสั่งห้ามทุกประเทศและทุกบริษัทนำเข้าน้ำมันอิหร่าน ไม่เช่นนั้นอาจถูกตัดขาดจากระบบการเงินโลก
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่ง เปิดเผยว่า กองกำลังที่จะส่งไปเพิ่มจะครอบคลุมทหารที่ปฏิบัติภารกิจข่าวกรองการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ การเฝ้าระวัง และการสอดแนมที่ช่วยตรวจสอบภัยคุกคามและรวบรวมภาพถ่ายที่สำคัญและข่าวกรอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่จะช่วยยกระดับการปกป้องกองกำลังสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ก่อนแล้ว
คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวโอมาน ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันสำคัญของโลก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเมื่อวันจันทร์กองบัญชาการกลางของอเมริกาได้เผยแพร่หลักฐานชิ้นใหม่เพื่อยืนยันข้อกล่าวหานี้
กระนั้น พลเอกโมฮัมหมัด บาเกรี ประธานเสนาธิการกองทัพบกอิหร่าน ปฏิเสธว่า เตหะรานไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว พร้อมทั้งบอกว่า หากต้องการปิดช่องแคบฮอร์มุซก็จะทำอย่างเปิดเผย
อาลี ชัมกานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน ระบุว่า เตหะรานเป็นผู้รับผิดชอบความมั่นคงในอ่าวเปอร์เซียและเรียกร้องให้อเมริกาถอนกำลังออกไป
วันเดียวกันนั้น เบห์รูซ คามัลวานดี โฆษกองค์การพลังงานปรมาณูอิหร่านประกาศว่า อิหร่านได้เพิ่มอัตราการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม 4 เท่าเป็นเกือบ 20% ซึ่งถือว่า ใกล้ระดับสำหรับผลิตอาวุธขึ้นมาอีกขั้น รวมทั้งยังเพิ่มปริมาณยูเรเนียมสำรองซึ่งจะเกินขีดจำกัดที่ 300 กก. ภายใน 10 วัน
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับปี 2015 ที่อิหร่านและ 5 ชาติมหาอำนาจโลกยังคงยึดถือปฏิบัติ หลังจากอเมริกาถอนตัวไปเมื่อปีที่แล้วนั้น กำหนดว่าอิหร่านสามารถสำรองยูเรเนียมสมรรถนะ 3.67% ไม่เกิน 300 กก.
ในการแถลงข่าวที่โรงงานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มวลน้ำหนักอารัค ซึ่งถูกกำหนดค่าใหม่ภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 คามัลวานดียังบอกว่า เตหะรานสามารถฟื้นฟูโรงงานใต้ดินแห่งนี้เพื่อฟื้นการผลิตพลูโตเนียม ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำหรับหัวรบนิวเคลียร์
ความเคลื่อนไหวนี้บ่อนทำลายข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกมาตรการแซงก์ชันอิหร่าน รวมทั้งยังเป็นการขีดเส้นตายอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี เตือนว่า ยุโรปต้องเสนอข้อตกลงใหม่ภายในวันที่ 7 กรกฎาคม ไม่เช่นนั้นอิหร่านจะเดินหน้าเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม
ด้านอังกฤษประกาศว่า จะพิจารณาตัวเลือกทั้งหมด ถ้าเตหะรานละเมิดข้อตกลง ขณะที่อิสราเอล ศัตรูสำคัญของอิหร่าน เรียกร้องมหาอำนาจโลกเพิ่มมาตรการแซงก์ชันโดยเร็ว หากเตหะรานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเกินขีดจำกัด
เฟเดอริกา โมเกรินี กรรมาธิการนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ยืนกรานว่า จะรอดูรายงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อไป ทางด้านรูฮานีย้ำว่า ชาติยุโรปเหลือเวลาอีกไม่มากนักในการรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์
การแข็งขืนของเตหะรานครั้งนี้ทำให้อเมริกาอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากการกดดันให้อิหร่านเคารพข้อตกลง ทั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายฉีกสัญญาก่อนโดยอ้างว่า ข้อตกลงดังกล่าวที่ลงนามโดยบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าตนเอง มีข้อบกพร่องทั้งในส่วนที่ไม่มีการบังคับใช้ถาวร ไม่ครอบคลุมโปรแกรมขีปนาวุธของอิหร่าน รวมทั้งไม่มีมาตรการลงโทษหากเตหะรานทำสงครามตัวแทนในตะวันออกกลาง
ทั่วโลกกำลังจับตาการเผชิญหน้าระหว่างอเมริกากับอิหร่านด้วยความกังวล ล่าสุดในวันอังคาร (18 มิ.ย.) หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐของจีน กล่าวภายหลังพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียว่า ปักกิ่งกังวลอย่างมากกับสถานการณ์ในอ่าวเปอร์เซียและอิหร่าน พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้เหตุผลและความอดกลั้น และอย่าทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกาไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มการกดดันอิหร่าน
หวัง อี้ ระบุว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์เป็นวิธีเดียวในการแก้ปัญหา พร้อมเรียกร้องให้เตหะรานไตร่ตรองให้รอบคอบ ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายต้องเคารพสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของอิหร่านด้วย
กฤติเดช สุขเนืองนอง เฒ่าสาระเลว ทรัมป์ กำลังบีบ UN ให้ออกมติแป๊ป เหมือนเคส อิรัค
18 มิ.ย. 2562 เวลา 14.06 น.
wowfa4289 อันธพาลของโลกเลยนี่หว่า?
18 มิ.ย. 2562 เวลา 14.10 น.
คัยจัดการมันให้หน่อยผมขอร้องเกลียดมันจริงๆไอ่กันนิ
18 มิ.ย. 2562 เวลา 14.17 น.
ImChan อิหร่านน้ำมันมันยังมีเยอะซะด้วยสิ อิอิ
18 มิ.ย. 2562 เวลา 14.10 น.
Gck เลวหาเรื่องไปทั่วโลก_คืออะไร. นี่ละ่พ่อค้า. ไม่ใช่ผู้นำ
เช่น. ปทท. ที่หนี. ห้ว___ซุ......ก
18 มิ.ย. 2562 เวลา 14.19 น.
ดูทั้งหมด