ถ้าพูดถึง Grammarly คิดว่าหลายคน โดยเฉพาะคนสายเขียนภาษาอังกฤษจะต้องรู้จัก และเคยใช้งานกันสักครั้งสองครั้งในชีวิต
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า บริษัทนี้ มีถิ่นกำเนิดมาจากยูเครน คนก่อตั้งก็เป็นชาวยูเครน และในช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครนรอบนี้ Grammarly ก็ออกมาแสดงจุดยืนหนักแน่นเคียงข้างชาวยูเครนไม่แพ้แบรนด์อื่นเลย
คราวนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ TODAY Bizview จะพาไปรู้จัก Grammarly ให้ลึกซึ้งกว่าเดิม
[ Grammarly ใช้เทคโนโลยีช่วยเกลาภาษาอังกฤษให้เรา ]
สำหรับใครที่ไม่รู้จัก Grammarly มาก่อน ก็จะขออธิบายสั้นๆ ว่า Grammarly เป็นหนึ่งในบริการช่วยเขียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดของโลกตอนนี้เลยก็ว่าได้
วิธีการทำงานของ Grammarly นั้นง่ายๆ คือ เราวางข้อความหรือเรียงความภาษาอังกฤษเข้าไปในระบบ ตัว Grammarly จะช่วยเช็คคำผิด แนะนำไวยากรณ์ที่ถูกต้อง และยังแนะนำคำอื่นที่ช่วยให้ภาษาของเราสวยขึ้นได้ด้วย
ที่ Grammarly สามารถทำได้ขนาดนี้ เพราะมี Machine Learning และ AI รวมถึงระบบคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง
Grammarly มีรูปแบบการใช้งานทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ในการใช้งานฟรีนั้น Grammarly จะช่วยเราตรวจสอบขั้นพื้นฐานอย่างคำผิด แกรมม่าผิด ตัวสะกดผิดได้
แต่ถ้าเป็นรูปแบบเสียเงิน Grammarly จะเสนอฟังก์ชันที่ล้ำขึ้นไปอีกคือ ช่วยปรับโทนของคำ แนะนำคำใหม่ที่ทำให้ภาษาของเราสวยและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้การเขียนภาษาอังกฤษในการทำงาน หรือเขียนบทคัดย่องานวิจัย
Grammarly มีให้ใช้งานทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน สามารถดาวน์โหลดติดตั้งได้ในคอมพิวเตอร์ หรือดาวน์โหลดเป็นส่วนขยายหรือ extension แยกไว้ได้
โมเดลราคามีหลากหลาย เริ่มต้นที่เดือนละ 12 ดอลลาร์ หรือราว 400 บาท ส่วนแพ็กเกจธุรกิจเริ่มที่เดือนละ 12.50 ดอลลาร์ หรือราว 415 บาท
[ ต้นกำเนิด Grammarly มาจากยูเครน ]
และถึงแม้ Grammarly จะเน้นการใช้งานภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ตัวต้นกำเนิดบริษัทมาจากยูเครน
Grammarly มีผู้ก่อตั้งมีสามคนคือ Alex Shevchenko, Max Lytvyn และ Dmytro Lider ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก, นิวยอร์ก, แวนคูเวอร์ และที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน
ทั้งสามคนก่อตั้ง Grammarly ในปี 2009 โดยต่อยอดไอเดียมาจากบริษัทแรกที่จะแก้ปัญหาเรื่องลอกผลงานเขียน
Shevchenko เล่าให้ฟังว่า “เราก่อตั้ง Grammarly เพื่อใช้เทคโนโลยีช่วยให้ผู้คนสื่อสารได้ดีขึ้น ต่อยอดจากประสบการณ์ของเรา ในฐานะผู้พูดภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา”
โดยในช่วงแรกๆ Grammarly เป็นโปรแกรมสำหรับมหาวิทยาลัยเพื่อสอนภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษา
แต่โมเดลขายบริการให้สถาบันการศึกษาไม่สามารถทำรายได้ที่ดีพอ จึงเปลี่ยนโมเดลมาขายให้กับผู้ใช้งานตรงๆ และขยายกลุ่มจากผู้ที่อยากเรียนภาษาอังกฤษ ไปสู่ผู้ที่ใช้งานภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้น
[ จากบริษัทเล็กสู่ยูนิคอร์น ]
พัฒนาการที่สำคัญของ Grammarly เริ่มต้นขึ้นในปี 2014 เมื่อบริษัทเสนอแผนบริการใช้งานฟรีควบคู่ไปกับแพ็กเกจเสียเงินแต่ได้ฟังก์ชันที่เหนือกว่า
หลังจากนั้นก็เปิดให้ใช้งานฟรีผ่านส่วนขยาย browser extensions, เพิ่มแอปบน iPad ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ฐานผู้ใช้งาน Grammarly โตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนถึงตอนนี้ Grammarly มีฐานผู้ใช้งานรายวันกว่า 30 ล้านราย และมีบริษัทที่ใช้งานแบบแพ็กเกจเสียเงินสำหรับองค์กรถึง 30,000 ราย
Grammarly เป็นหนึ่งในยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลังได้ระดมทุน 200 ล้านดอลลาร์ช่วงปลายปีที่แล้ว และตอนนี้มีมูลค่าบริษัททะลุ 13,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.3 แสนล้านบาท
ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการที่คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาเรียนและทำงานผ่านออนไลน์ คนเรียนรู้การใช้งานอุปกรณ์และบริการดิจิทัลมากขึ้น ช่วยดัน Grammarly ให้เติบโต
[ Grammarly ยกรายได้จากรัสเซียและเบลารุสให้ยูเครนทั้งหมด ]
ด้วยเป็นบริษัทที่มีถิ่นกำเนิดจากยูเครน จึงไม่น่าแปลกใจที่ในสงครามรอบนี้ Grammarly ออกมา take action อย่างเข้มข้น ประกาศหยุดให้บริการในรัสเซีย
และที่น่าสนใจคือ รายได้ของบริษัท ที่หามาได้ทั้งหมดในรัสเซียและเบลารุส นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมานั้น จะยกให้ยูเครนทั้งหมด เทียบเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 160 ล้านบาท
นอกจากสนับสนุนเรื่องเงินแล้ว Grammarly ยังโอนความรับผิดชอบทางธุรกิจที่สำคัญให้ทีมนอกยูเครน เพื่อให้พนักงานที่ประจำในยูเครนสามารถย้ายไปในที่ที่ปลอดภัยได้
Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่มีรากฐานมาจากอดีตกลุ่มโซเวียต ซึ่งนอกจาก Grammarly ยังมี GitLab ผู้สร้างซอฟต์แวร์, Revolut ผู้ให้บริการการเงิน ฟินเทค ก็ก่อตั้งโดยชาวยูเครนด้วย