ข้อมูลเบื้องต้น
*อัปทุกวัน อ่านฟรี ก่อนติดเหรียญ
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอพรจากฟ้า
ขอรักข้ากลับมา โปรดเถิดหนาอย่าหายไป
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า อย่าเอารักข้าจากไป
โปรดเถิดหนาโปรดเห็นใจ ขออุ่นไอรักข้าหวนคืน
หากสวรรค์อยากให้เจ้าขามีชีวิตอยู่ต่อ แต่ปราศจากความรัก ก็อย่าให้เจ้าขาฟื้นขึ้นมาเลยค่ะหรือถ้าเจ้าขาต้องฟื้น ช่วยลบความทรงจำที่แสนเจ็บปวดนี้ ออกไปให้หมดทีด้วยเถิด
#จันทร์เจ้าขา/ของแสงเหนือ
ฝากกดติดตาม เพื่อรับการแจ้งเตือนตอนใหม่ๆของนิยายด้วยนะคะ
อย่าลืมกดหัวใจด้านบนเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า บีบมือ
บทนำ
“น้องเจ้าขาฟื้นแล้วค่ะ” ขวัญเอย ที่สังเกตเห็นว่าน้องเจ้าขาขยับเหมือนพยายามจะลืมตา
“เจ้าขา ได้ยินพ่อไหมลูก” ขวัญเมือง ร้องเรียกลูกสาวด้วยความดีใจ ลูกสาวเขาหลับไปนานเกือบเดือน จนคิดว่าอาจจะไม่มีหวังเสียแล้ว
ส่วนคนที่เพิ่งตื่นจากห้วงนิทราอันแสนยาวนานมองคนนู้นคนนี้ที่พยายามพูดคุยถามไถ่เธอ เธอทั้งงงงวยและก็รู้สึกว่างเปล่า
“พวกคุณเป็นใครคะ”
ทุกคนในที่นี้ต่างทำหน้าตื่นตกใจ พร้อมกันถามคำถามเธอมากมายจนเธอต้องยกมือกุมศรีษะหน้าเธอเริ่มซีดลงเรื่อยๆ
“นี่พ่อไงลูก จำพ่อได้ไหม” เสียงของคนที่เรียกตัวเองว่าพ่อ แต่ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ว่าคนนี้คือพ่อของเธอ และเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะเธอ เธอคือใคร ทำไมๆจำอะไรไม่ได้เลย เธอได้แต่ส่ายหัว น้ำตาไหลพราก
“เอยว่าไปเรียกเหนือมาดีกว่าค่ะ” ขวัญเอยกำลังจะออกไปเรียกหมอเหนือก็พอดีกับแสงเหนือเข้ามาพอดี
“เจ้าขา ฟื้นแล้วหรอครับ” เมื่อเธอได้สบตากับผู้ชายคนนี้เธอรู้สึกนิ่งสงบจนน่าแปลกใจ
บทที่1 จันทร์เจ้าขา (เต็มตอน)
“รู้สึกปวดหัวไหมครับ” หลังจากทุกคนหยุดถามคำถามมากมายกับเธอ หมอก็เข้ามาตรวจเธอ
“จำอะไรได้บ้างไหม”
เธอได้แต่ส่ายหน้าสับสน บางคนก็แสดงอาการดีใจโล่งใจที่เธอฟื้น บางคนก็นิ่งเฉยไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับการฟื้นขึ้นมาของเธอโดยเฉพาะผู้หญิงที่ยืนข้างคนที่เรียกตัวเองว่าพ่อ หรือจะเป็นแม่เธอ แต่ทำไมดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเธอเลย
“ไม่เป็นไรครับ แรกๆจะสับสนหน่อย ค่อยๆนึก เดี๋ยวไม่นานก็น่าจำได้เอง “
“เอยว่าให้น้องพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมคะคุณพ่อคุณแม่ ดูสิหน้าซีดไปหมดแล้ว เหนือคะ เดี๋ยวเอยอยู่รอทานข้าวเที่ยงนะคะ”
“ครับ”
เธอมองดูพวกเขาทะยอยเดินออกไป เหลือแค่เธอและคุณหมอกับพยาบาล ที่เธอคิดว่าคงน่าจะรู้จักกันหมด
“เดี๋ยวหมอเจตต์จะเข้ามาตรวจอาการให้นะ หมอเจตต์เป็นหมอเจ้าของไข้ พี่แค่แวะมาดูเฉยๆ”
พี่หรอ เขาเป็นพี่ชายเธอรึเปล่า เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นเรียกว่าเหนือ
ก้อกๆๆๆ
“เป็นยังไงบ้างครับน้องเจ้าขา ยินดีด้วยที่ฟื้นขึ้นมาสักที รู้สึกปวดหัว คลื่นไส้อาเจียนไหม” เธอส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหมอทำการทดสอบภาพรวมถึง CT scan และ MRI แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง เป็นภาวะสมองบาดเจ็บเล็กน้อย เดี๋ยวน้องเจ้าขาจะค่อยๆฟื้นความจำได้เอง เดี๋ยวนอนดูอาการ ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน แล้วเดี๋ยวหมอให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน”
“นานแค่ไหน” แสงเหนือเอ่ยถาม
“ก็แล้วแต่ อาจจะอาทิตย์ สองอาทิตย์ หนึ่งเดือนหรือเป็นปีๆก็มี คนรอบข้างช่วยเล่าช่วยบอกเดี๋ยวก็จะจำได้เอง ตอนนี้อาจจะมึนงง สับสน แค่ระวังภาวะทางจิตใจที่อาจจะเครียด วิตกกังวลเกินไป แล้วก็อาจจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปบ้างไม่ต้องตกใจนะ…พี่หมอเจตต์ไง เจ้าขาพอจะนึกออกไหม เพื่อนพี่หมอเหนือของเจ้าขา เจ้าขาชอบมาหาที่นี่บ่อยๆ เราเจอกันแทบทุกวัน ตั้งแต่เด็กๆเราชอบตามพี่เหนือของเจ้าขาไปทุกที่เลย ตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ จนตอนนี้เป็นศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedics) หรือหมอกระดูกที่เก่งที่สุดในตอนนี้เลยนะ จำได้ไหม ส่วนพี่หมอเจตต์ คือประสาทศัลยแพทย์ หรือ หมอผ่าสมองแต่มีอีกชื่อนึงที่น้องเจ้าขาชอบเรียกพี่ลองนึกดูเล่นๆนะ นึกได้แล้วค่อยมาเรียกนะ”
เธอไม่รู้จะพูดอะไรเลย ในหัวมันว่างเปล่ามองดูคนที่เธอไม่รู้จัก ไม่รู้สึกคุ้นเคย เธอเริ่มปวดหัวเลยหลับตาลงเพื่อไม่อยากรับรู้อะไรตอนนี้
“ โอเคงั้นพักผ่อนนะครับ พี่หมอไม่กวนแล้ว” หมอเจตต์และหมอเหนือเดินกลับออกมาและปล่อยให้น้องได้พักผ่อน
“แล้วแกจะเอาไงต่อว่ะ”
“บางทีถ้าน้องจำอะไรไม่ได้ไปเลยก็ดีเหมือนกัน”
“แล้วแกก็จะได้ไปแต่งงานกับขวัญเอยโดยที่ไม่มีน้องเจ้าขามาขวางหรอ ใจร้ายไปรึเปล่าว่ะ” เจตต์ไม่เห็นด้วย ดูจะเป็นการทำร้ายจิตใจเจ้าขาเกินไป ถึงแม้น้องจะจำไม่ได้ก็เถอะ แต่ถ้าจำได้ขึ้นมาคงเสียใจน่าดู
“ขอบใจที่ดูแลเจ้าขานะ ฝากด้วย” แสงเหนือคิดว่าแบบนี้ดีแล้ว มันดีกับทุกฝ่าย เพราะอีกสามเดือนเขาก็ต้องแต่งงานกับขวัญเอยที่คบกันมาสามปี
เจ้าขาลืมตาขึ้นเมื่อเธอรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองเธออยู่ เธอพบว่ามีเด็กผู้ชายตัวเล็กยืนจ้องเธออยู่ข้างเตียง
“หนูเป็นใครจ้ะ”
“เป็นลูกแม่ครับ”
“หื้ม ฉันมีลูกแล้วหรอ” ไม่เห็นมีใครบอกเธอเลยว่าเธอมีลูกแล้ว จริงๆตั้งแต่เธอฟื้นมาทุกคนก็หายไปกันหมด ยังไม่มีใครเล่าอะไรอย่างจริงจังให้เธอฟังเลย จะมีแค่พยาบาลที่เข้ามาเรื่อยๆ
“ใช่ครับ แต่ผมยังเข้าไปไม่ได้” เด็กชายมองไปที่หน้าท้องเธอ
“เข้าไปในไหนนะ”
“ผมต้องรอเวลาครับ ยังไม่ถึงเวลา แต่ผมจะช่วยแม่จ๋าเองครับ”
“ช่วยอะไรจ้ะ”
“ช่วยให้พ้นจากคนไม่ดีฮ่ะ มีแต่คนไม่ดีคอยทำร้ายแม่” ยิ่งฟังเธอก็ยิ่งงง
ก้อกๆๆๆ
“ขออนุญาตค่ะ ทานยาก่อนอาหารนะคะ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงจะมีคนมาส่งอาหารให้ค่ะ”
“เอ่อ คุณพยาบาลคะ เด็กคนนี้ใครหรอคะ หรืออาจจะเข้าห้องผิดรึป่าว”
“เด็กที่ไหนคะ ไม่มีนะคะ”
“เด็กที่ยืนตรงนี้ไงคะ”
“อย่าแกล้งพยาบาลสิคะ ถึงจะกลางวันก็กลัวเหมือนกันนะคะ แรกๆตาคนไข้อาจจะเบลอๆ มองเห็นไม่ชัด เป็นปกติค่ะ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองนะคะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เขามองไม่เห็นผมหรอกครับ นอกจากแม่จ๋า”
“หนูเป็นผีหรอคะ” เธอมองเห็นผีหรอ
“แม่ไม่ต้องกลัว ถ้าแม่มีอะไรเรียกผมได้ตลอดเลยนะฮ่ะ ผมจะรีบมา อืมต้องมีชื่อเรียก แม่ตั้งชื่อให้หน่อยค้าบบ” ตั้งชื่อหรอ ชื่ออะไรล่ะ เขาบอกว่าเธอชื่อเจ้าขา
“เอ่อ งั้น…เจ้าขุน”
“ครับ ผมชอบชื่อนี้ ชื่อเหมือนแม่จ๋าเลย เรียกผมดังๆเลยนะ ผมจะรีบออกมา”
แล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งทะลุประตูออกไป เธอช้อคจนแทบจะเป็นลม แต่เธออาจจะเห็นภาพลวงตาภาพซ้อนหรืออะไรก็ได้ ต้องใช่แบบนั้นแน่ๆ
จันทร์เจ้าขา คือชื่อของเธอที่ใครๆต่างเรียกเธอแบบนั้น วันนี้เธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วทุกคนมารับเธอกันหมด และบอกว่าเป็นครอบครัวเธอ พ่อ แม่ พี่ และมีหมอเหนือ ที่เธอมารู้ว่าเป็นแฟนพี่สาวเธอที่กำลังจะแต่งงานกัน ไม่รู้ทำไมตอนที่รู้เธอรู้สึกใจหาย ปวดแปรบที่หัวใจความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นแบบไหนกันนะ เธอประสบอุบัติเหตุตกบันไดที่บ้านหลังนี้ จากคำบอกเล่า มองไปรอบๆบ้านเธอไม่รู้สึกอบอุ่น ไม่รู้สึกว่ามันคือบ้านเลย
“นี่จ้ะห้องนอนของเจ้าขา พี่ให้คนมาทำความสะอาดแล้ว” เธอเดินเข้ามาในห้องที่เล็กกว่าห้องที่โรงพยาบาลเสียอีก ข้าวของทุกอย่างมีน้อยมาก ทำไมเธอถึงเลือกมาอยู่ห้องนี้นะ
“อ่อ จริงๆเจ้าขาเคยอยู่ห้องใหญ่ฝั่นนู้นนะ แต่เจ้าขาบอกมันใหญ่ไปเลยขอมานอนห้องเล็ก ห้องนั่นพี่ก็เลยไปอยู่แทนจ้ะ แต่เจ้าขาก็ไม่ค่อยมานอนหรอก ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็ไปอยู่คอนโดเจ้าขาเพิ่งเรียนจบมานะ แต่ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าเจ้าขาอยากทำอะไร ก็มาเกิดอุบัติเหตุซะก่อน”
“แล้ว ฉัน..เอ่อเจ้าขาไปนอนคอนโดได้ไหมคะ อยู่ที่ไหนหรอ”
“อืมม ไปอยู่คนเดียวตอนนี้น่าจะไม่ดีนะ เอาไว้เจ้าขาหายดีเมื่อไหร่ ค่อยไปอยู่ก็ได้ อยู่ที่นี่ จะได้หายไวๆไง” ทำไมเธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แปลกๆ เหมือนจะห่วงใยเธอ แต่ทำไมเธอรู้สึกว่าไม่ใช่กันนะ ชักอยากจำได้ขึ้นมาเร็วๆแล้วสิ
มาแล้ว อาจจะไม่ได้อัพทุกวันนะคะ
ฝากกดติดตาม กดหัวใจเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้้วยน้า
#จันทร์เจ้าขาของแสงเหนือ
บทที่2 แสงเหนือ(1)
“อ้าวตาเหนือ ไหนน้องล่ะ กลับมาพักที่บ้านแล้วใช่ไหม” เดือนวาดเอ่ยถามหาจันทร์เจ้าขาที่เธอรักและเอ็นดูเพราะช่วยดูช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ เธอกับ จันทรา แม่ของจันทร์เจ้าขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วจนต่างคนต่างแต่งงานแยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่ก็กลับมาเจอกันอีกครั้งเพราะย้ายมาอยู่บ้านติดกัน
“ครับ มาอยู่บ้านแล้ว คุณแม่เพิ่งมาถึง พักผ่อนก่อนไหมครับ” เดือนวาดและตฤณพ่อของเขาเดินทางไปงานศพญาติที่เชียงรายและอยู่ช่วยงานสักพักใหญ่แล้ว ก็พอดีกับที่จันทร์เจ้าขาที่ประสบอุบัติเหตุฟื้นแล้ว ทำให้เธอมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลไม่ทัน
“แล้วน้องเป็นอย่างไรบ้าง” ปกติจันทร์เจ้าขาไม่เคยไปเหยียบบ้านนั้น จะมาก็แวะมาหาเธอและลูกชายของเธอเท่านั้น
“ภายนอกดีขึ้นแล้วครับ แต่น้องยังจำอะไรไม่ค่อยได้”
“ตายจริง น้องความจำเสื่อมเหรอลูก”
“ไม่เชิงครับ แต่ไอ้หมอเจตต์บอกว่าไม่นานก็จะค่อยๆจำได้เอง”
“เวรกรรมแท้ๆ”
“กรรมอะไรล่ะคุณ” ตฤณเดินเข้ามาได้ยินแม่ของลูกบ่นพอดี
“ก็น้องเจ้าขาสิคะ ตอนนี้ยังจำอะไรไม่ได้เลย”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อล่ะ” ตฤณสบตากับแสงเหนือ
“กำหนดงานแต่งผมกับเอย เอาตามเดิมนะครับ”
“อะไรกัน นี่ลูกคิดจะแต่งกันจริงๆหรอ แล้วน้องล่ะลูก” เธอรู้ว่าจันทร์เจ้าขาชอบลูกชายเธอมาตลอดและคิดว่าลูกชายเธอก็ชอบเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆถึงได้เป็นแบบนี้ เมื่อสามปีก่อนอยู่ๆลูกชายเธอก็มาบอกว่าคบหากับขวัญเอยลูกติดภรรยาใหม่ของคุณขวัญเมืองพ่อของเจ้าขาซึ่งเป็นเรื่องที่เธอช็อคมาก ก่อนหน้านั้นจันทราตรอมใจตายเพราะจับได้ว่าคุณขวัญเมืองลักลอบคบกับผู้หญิงอื่น จากนั้นไม่นานก็พากันเข้ามาอยู่ในบ้าน ตอนนั้นจันทร์เจ้าขาอารวาดหนักมากเธอเหมือนไม่เหลือใครเลย จะมีก็แต่แสงเหนือและครอบครัวเธอที่พอจะพึ่งได้ แต่แล้วลูกชายเธอก็ประกาศว่าคบหากับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชู้พ่อของเจ้าขา
“เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะครับแม่”
“เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ตามใจ แม่ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว เรื่องนี้ก็บอกน้องเอาเองก็แล้วกันแม่ไม่อยากพูด แค่นี้น้องก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะคุณ” เดือดวาดสะบัดหน้าเดินหนีขึ้นห้องไป
“ให้เวลาแม่เขาหน่อย แต่เรื่องนี้คิดดีแล้วใช่ไหม”
“ครับ” ตฤณพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เอ้ะ อะไรยังไงกันแสงเหนือใช่พระเอกของเราหรือเปล่านะ
#จันทร์เจ้าขาของแสงเหนือ
ฝากกดติดตาม กดหัวใจเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ