คดีซึ่งธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกกล่าวหาว่าถือหุ้นสื่อเป็นคดีการเมืองที่คนจำนวนมากเห็นว่าสำคัญที่สุดในสังคมไทย
และถึงแม้ธนาธรจะไม่ใช่นักการเมืองคนแรกที่โดนยื่นคำร้องแบบนี้ แต่ธนาธรน่าจะเป็นนักการเมืองคนแรกที่ กกต.ยื่นคำร้องจนศาลรัฐธรรมนูญระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทั้งที่ยังไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเลย
จริงอยู่ว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ล้วนมีอำนาจตามกฎหมายที่จะพิจารณาข้อกล่าวหาของธนาธร
แต่ในแง่ความรู้สึกนึกคิดทางการเมือง คนจำนวนมากเชื่อว่าข้อกล่าวหานี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่หลายฝ่ายรวมตัวเป็น “เครือข่าย” เพื่อกำจัดธนาธรอย่างเป็นระบบ แบบที่แทบไม่เคยเกิดกับนักการเมืองคนใด
ดร.ทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกฝ่ายตรงข้ามต่อต้านไม่น้อยกว่าธนาธร แต่กว่าที่อดีตนายกฯ ทั้งสองท่านจะถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีก็เป็นเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.และประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว
ส่วนธนาธรโดนแบบนี้ตั้งแต่วันที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง และทันทีที่ผลเลือกตั้งปรากฏ ทุกอย่างก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไป
ด้วยความเชื่อว่าฝ่ายต่อต้านอนาคตใหม่เป็น “เครือข่าย” ซึ่งร่วมมือกันอย่างเป็นระบบเพื่อกำจัดธนาธร คนบางส่วนจึงเชื่อว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบตามไปด้วยแน่ๆ ถึงแม้ข้อกล่าวหาเรื่องหุ้นจะมีผลแค่ต่อตัวบุคคลจนไม่กระทบพรรคในฐานะกลุ่มตามรัฐธรรมนูญก็ตาม
ไม่มีใครพูดชัดๆ ว่า “เครือข่าย” ที่ต่อต้านอนาคตใหม่นั้นคือใคร แต่ความเชื่อที่แพร่ระบาดในสังคมคือ “เครือข่าย” ไม่พอใจอนาคตใหม่ที่กระทำการหลายอย่างจนขัดหูขัดตา “เครือข่าย” อย่างแรงกล้า ผู้มีอำนาจในองค์กรต่างๆ จึงต้องกำจัดธนาธรเพื่อปูทางการกวาดล้างอนาคตใหม่ให้สิ้นซากในบั้นปลาย
ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินคำร้องเรื่อง “ถือหุ้นสื่อ” โดยฟังคำชี้แจงของธนาธรว่าเลิกผลิตสื่อนั้นไปก่อนสมัครรับเลือกตั้งนานแล้วหรือไม่ มุมมองที่คนจำนวนมากมีต่อเรื่องนี้สะท้อนว่าเราเป็นสังคมที่คนเชื่อว่ามี “เครือข่าย” ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์เหนือประเทศมากจนสามารถกำจัดใครก็ตามได้ตลอดเวลา
“เครือข่าย” จะมีจริงหรือไม่เป็นเรื่องที่แล้วแต่คนประเมิน แต่ที่ชัดเจนจนไม่ต้องประเมินคืออนาคตใหม่ถูกโจมตีด้วยวาทกรรมต่างๆ มานานมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือ วาทกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นวาทกรรมที่เคยถูกปลุกระดมเพื่อปราบปรามประชาชนทั้งสิ้น แต่ในที่สุดแล้วการโจมตีนี้แทบไม่มีผลต่ออนาคตใหม่อย่างใดเลย
ก่อนการเลือกตั้งเดือนมีนาคม สื่อและพรรคการเมืองซึ่งคนเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “เครือข่าย” พยายามปลุกปั่นว่าอนาคตใหม่ทำลายศาสนา, ล้มล้างระบบครอบครัว, ต่อต้านประเพณี, ชังชาติ ฯลฯ
แต่ผลเลือกตั้งที่มีคนเลือกอนาคตใหม่เกือบ 6 ล้าน แสดงว่ามีคนไม่เชื่อหรือกระทั่งไม่สนเรื่องปลุกปั่นนี้นับล้านคน
หากประเทศนี้มี “เครือข่าย” ซึ่งพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดคนที่คิดต่างกัน การเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 ก็คือหลักฐานว่า “เครือข่าย” เป็นคนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลต่อสังคมน้อยลงไปอีก
การปลุกปั่นทำอะไรอนาคตใหม่ไม่ได้ ซ้ำพรรคซึ่งมีแต่ผู้สมัครหน้าใหม่และไม่ใช้หัวคะแนน กลับได้ ส.ส.มาเกือบ 80 คน
ถ้าเป้าหมายของ “เครือข่าย” อยู่ที่การกำจัดธนาธรเพื่อกวาดล้างอนาคตใหม่ ในที่สุด “เครือข่าย” ก็จะผลักตัวเองไปสู่จุดที่เห็นว่าประชาชนหลายล้านเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” ที่ต้องกำจัดให้หมด
หรืออย่างน้อยก็คือทำให้คนร้อยละ 10 ของประเทศเป็นพลเมืองที่ไม่มีปากเสียงเท่าคนกลุ่มอื่นๆ ซึ่งไม่มีทางทำได้เลย
หากธนาธรเป็นต้นตอของปัญหาอนาคตใหม่ก็ไม่เป็นไร แต่ที่จริงความสำเร็จของธนาธรเป็นเพราะธนาธรพูดเรื่องที่ตรงความต้องการของคนจำนวนมาก ชัยชนะของธนาธรเป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศนี้มีคนนับล้านที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดีขึ้น แต่ไม่เชื่อว่าผู้มีอำนาจหน้าเดิมจะทำให้ประเทศดีขึ้นได้เลย
ธนาธรมักปราศรัยโดยพูดถึง “ความฝัน” ของสังคม สารที่ธนาธรเสนอจึงได้แก่ความเป็นไปได้ในการสร้างสังคมในอนาคตที่ดีกว่าตอนนี้ คนขานรับธนาธรเพราะเชื่อว่าธนาธรมีศักยภาพจะเปลี่ยน “ความฝัน” ให้เป็น “ความหวัง” ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่พัฒนาการของสังคมได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะธนาธรคือธนาธร
คนบางกลุ่มคิดว่า “เครือข่าย” เหม็นหน้าอนาคตใหม่เพราะพรรคแสดงพฤติกรรม “อยู่ไม่เป็น” แต่ที่จริงความรู้สึกว่าอนาคตใหม่ “อยู่ไม่เป็น” มาจากการตระหนักว่าอนาคตใหม่เป็นตัวแทนความคิดบางอย่างมากกว่าจะเป็นการกระทำของพรรคซึ่งไม่ได้มีอะไรผิดกฎหมายหรืออยู่นอกกรอบการตั้งพรรคการเมือง
แม้อนาคตใหม่จะประกอบด้วยคนจำนวนมากซึ่งไม่เคยมีความเชื่อมโยงกับชนชั้นนำทางการเมืองหรือเศรษฐกิจกลุ่มใดๆ เลย
เกือบครึ่งปีที่อนาคตใหม่เข้าไปทำงานสภาก็แสดงให้เห็นว่าอนาคตใหม่ไม่ต่างกับเพื่อไทย, ประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย, ประชาชาติ ฯลฯ
นั่นคือตั้งพรรคเพื่อผลักดันกฎหมายและนโยบาย
อนาคตใหม่จัดงาน #อยู่ไม่เป็น โดยพูดถึงสวัสดิการสังคม, การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ , ปัญหาประมงรายย่อย, คนถูกไล่ออกจากป่า ฯลฯ ซึ่งแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นสร้่างพรรคเพื่อคนกลุ่มที่อำนาจรัฐไม่เห็นหัว แต่สำหรับผู้มีอำนาจ สารของอนาคตใหม่คือคำประกาศความเป็น “คนนอก” จากเครือข่ายคนหน้าเก่าๆ โดยตรง
ในสังคมที่ชนชั้นนำใช้ “คอนเน็กชั่น” เพื่อสร้าง “เครือข่าย” ของผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง มุมมองของหัวหน้าทำให้พรรคดูไม่เข้าพวกจนง่ายที่อาจจะถูกระแวงว่า “เป็นอื่น”
แต่อนาคตใหม่มีคนอย่างศิริกัญญา, พล.ท.พงศกร, ณัฐพงษ์ ฯลฯ ซึ่งทำหน้าที่จนควรเห็นแล้วว่าความระแวงเป็นผลจากการคิดไปเอง
องค์ประกอบทุกอย่างของอนาคตใหม่ทำให้อนาคตใหม่ดูเป็น “คนนอก” ของสังคมชนชั้นนำ แต่ที่จริง “คนนอก” เหล่านี้คือตัวแทนของคนรุ่นที่เติบโตมากับเศรษฐกิจดิจิตอล, สังคมข้อมูลข่าวสาร, โลกยุคมิลเลนเนียม, เครือข่ายออนไลน์, บิตคอยน์ ฯลฯ ซึ่งจะเป็นทิศทางของโลกปัจจุบันและอนาคตอีกหลายสิบปี
ในประเทศที่โครงสร้างชนชั้นเปิดกว้างจนชนชั้นนำไม่ถูกผูกขาดเป็น “เครือข่าย” ที่เรียวแคบ คนเหล่านี้คือว่าที่เสาหลักของสังคมที่ต้องวิวัฒนาการสู่อนาคต
สังคมที่ปกติคือสังคมที่เปิดกว้างให้คนเหล่านี้บูรณาการสู่โครงสร้างหลักของประเทศ
ส่วนสังคมที่ผิดปกติคือสังคมที่ผลักดันคนกลุ่มนี้ออกไปตลอดเวลา
อนาคตใหม่ดูเป็นคนนอกวง “เครือข่าย” ของชนชั้นนำเพราะชนชั้นนำในสังคมไทยสัมพันธ์กันผ่าน “ระบบอุปถัมภ์” ที่ปัจเจกต้องสังกัด “มุ้ง” ซึ่งมีนายที่อยู่ใต้อาณัติชนชั้นนำหน้าเก่าๆ จนความเป็นผู้นำมาจากการทำให้ชนชั้นนำพอใจที่สุด ไม่ได้มาจากประชาชน และยิ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคคลสำหรับคนที่เชื่อว่าประเทศจะเป็นแบบนี้ต่อไป
ปัญหาของอนาคตใหม่เกิดขึ้นเพราะอนาคตใหม่ในฐานะพรรคการเมือง “อยู่ไม่เป็น” ในแง่ไม่พินอบพิเทากับผู้มีอำนาจ ถึงแม้ในความจริงแล้วพรรคอนาคตใหม่จะยังไม่ได้ผลักกฎหมายหรือนโยบายอะไรที่ท้าทายหรือเผชิญหน้าโดยตรงกับใครเลยก็ตาม
อนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ “อยู่ไม่เป็น” จนเกิดความขัดแย้งในสังคม
ชนชั้นนำต่างหากที่อยู่ไม่เป็นจนมองเห็น “คนนอก” เครือข่ายเป็นภัยไปหมด
โลกทัศน์ของชนชั้นนำทำให้ชนชั้นนำยืนอยู่ตรงข้ามคนรุ่นที่เป็นอนาคตของประเทศ ในที่สุดคนกลุ่มนี้จะเห็นว่าชนชั้นนำคืออุปสรรคของการสร้างประเทศที่ดี
ระบบกฎหมายทุกวันนี้ไม่อนุญาตให้ชนชั้นนำและ “เครือข่าย” กำจัดอนาคตใหม่หรือธนาธร แต่ต่อให้มีคนใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” ทำเรื่องละเมิดกฎหมาย
ชนชั้นนำก็จะเป็นฝ่ายที่สร้างเงื่อนไขให้ตัวเองเกิดความขัดแย้งกับคนรุ่นใหม่แทบทั้งหมด ทั้งที่มูลเหตุของเรื่องนี้มาจากการไม่ยอมปรับตัวของคนไม่กี่คน
อนาคตใหม่พูดหลายเรื่องที่ต้องใช้ความร่วมมือจากคนจำนวนมากเพื่อจะปฏิบัติจริง ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของอนาคตใหม่จึงได้แก่การต่อสู้เพื่อเอาชนะทางความคิดในสังคม แหล่งที่มาทางอำนาจของอนาคตใหม่คือคนที่ต้องการเห็นประเทศเปิดกว้างและดีงามขึ้น แต่ชนชั้นนำไม่เคยเห็นคนกลุ่มนี้มีความสำคัญ
สำหรับชนชั้นนำซึ่งรักประเทศนี้มากกว่าการปกป้องอภิสิทธิ์ของตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการพิสูจน์ให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าชนชั้นนำมีศักยภาพจะทำให้ประเทศดีขึ้น ความนิยมธนาธรเป็นปฏิกิริยาต่อความห่วยของผู้มีอำนาจ ทางแก้จึงได้แก่การเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่กำจัดธนาธร
อนาคตใหม่ไม่ได้มีปัญหาเพราะ “อยู่ไม่เป็น” อย่างที่คนบางกลุ่มคิด อนาคตใหม่กลายเป็นปัญหาเพราะถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิเสธผู้มีอำนาจ คนที่อยู่ไม่เป็นจนควรต้องปรับตัวจึงได้แก่ผู้มีอำนาจและเครือข่ายทั้งหมด
ไม่ใช่อนาคตใหม่ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรคุกคามชนชั้นนำและเครือข่ายเลย
ถ้าอยู่เป็นคือการตระหนักถึงความจำเป็นต้องปรับตัว สังคมไทยตอนนี้เปลี่ยนแปลงจนทุกกลุ่มต้องปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับคนกลุ่มอื่นทั้งสิ้น คนที่ต้องการเห็นประเทศดีขึ้นควรเข้าใจว่าเราอยู่ในยุคที่ผู้มีอำนาจกลัวความเปลี่ยนแปลงมาก ส่วนผู้มีอำนาจก็พึงตระหนักถึงพลังคนที่อยากเปลี่ยนประเทศด้วยเช่นกัน
คนที่ต้องปรับตัวในประเทศและหัดอยู่ให้เป็นไม่ได้มีแค่อนาคตใหม่และความคิดที่ให้กำเนิดอนาคตใหม่อย่างเดียว
Kamphol ไอ้สัสสิโรตม์มึงอีกตัวขี้ข้าโจรเห็นชอบกับไอ้พรรคล้มเจ้า แยกแผ่นดินไทย มึงก็หมาขี้เลื่อนดีๆ เห่าแต่ลุงตู่ ทหาร รัฐบาล แล้วมึงทำอะไรให้ประเทศบ้าง ดีแต่เห่าฝ่ายตรงข้าม ขยะ เศษสวะ หนักแผ่นดิน
17 พ.ย. 2562 เวลา 05.09 น.
sri เอ็งเชียร์ ธรจัง สงสัย อยากไป คุกๆๆ คนคัดค้าน อนาคตดับ เพราะ 3 ตัว มี อีช่อ ธร บุตร
ชังชาติ ล้มเจ้า สร้างวาทะกรรมแตกแยก ชัดศึกเข้าบ้าน ทำผิดซ้ำซาก ฯลฯ ไม่เคารพกติกา ปชช รักสงบ อยู่เป็นสุข หากินตามอัตภาพ มีแต่ธร อยากเป็น สส ตัวสั่น จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ไม่เอา ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เอาประเพณีวัฒนธรรมดีงาม สุดท้าย ไปต่อรองกับศาล& อีกมากมายที่ทำให้ใจธร ร้อนดั่งไฟนรกเผา อยู่ไม่เป็น ต้องปลุกระดมหาคนมาตายแทน
ซึ่งคนทั้งประเทศ รวมคนที่เคยเลือกพรรคนี้ ตาสว่าง เชิญไปเห่า ในคุก,ตปท เถอะ
17 พ.ย. 2562 เวลา 04.44 น.
อนคม.ยังเล่นไม่เป็น ทั้งๆที่อุดมการณ์สวยหรู ไม่ว่าจะยังไงคุณก็สู้อำนาจรัฐไม่ได้ ควรเล่นแบบโดนเชือดนิ่มๆ แม้ไม่ยอมผลการตัดสิน แต่ไม่ควรกร่างเพราะ ปชช.จะตัดสินให้เองแต่การออกมาเกรี้ยวกราดคนไทยไม่ต้องการ คนไทยกำลังจะตายกันหมดแล้วกับการอยู่เป็น อยู่แบบยอมรับการยึดอำนาจ การถูกข่มขู่คุกคามของอำนาจรัฐ การไม่ได้รับความยุติธรรม การให้อภิสิทธิชนกับชนชั้นผู้นำ การมีความเหลื่อมล้ำสูง การขาดโอกาสในทุกๆด้าน การใช้ระบบอุปถัมถ์ ระบบพวกพ้องน้องพี่ส่งต่อผลประโยชน์ทุกๆอย่าง กดขี่สิทธิเสรีภาพ ให้คนชั้นนำกดขี่รังแก
16 พ.ย. 2562 เวลา 03.51 น.
หจก.ดิษยาพรรณ อีกหน๊อยก็โทษดินฟ้าอากาศ ว่าเป็นพวกเดียวของเครือข่าย
น่าสมเพศจริง ตรรกะของศิโรตม์และเครืองข่าย อนค.ใหม่
16 พ.ย. 2562 เวลา 00.32 น.
ช่าง กิต แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคเขาเรียกประชาธิปไตยหรือป่าวทั้งที่นโยบายชูเรื่องประชาธิปไตย
15 พ.ย. 2562 เวลา 09.39 น.
ดูทั้งหมด