ฮิคิโคโมริ ระเบิดเวลาของสังคมญี่ปุ่น / โดย ลงทุนแมน
ฮิคิโคโมริ (Hikikomori ; 引き籠もり) หมายถึง บุคคลผู้ปฏิเสธที่จะออกจากบ้าน ไม่ไปโรงเรียน ไม่ทำงาน ไม่พบปะ ติดต่อกับใครนอกจากคนในครอบครัวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน..
นี่คือคำนิยามของคำว่า ฮิคิโคโมริ จากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น
ฮิคิโคโมริ คืออะไร? และส่งผลต่อสังคมญี่ปุ่นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จากเหตุการณ์ล่าสุด
ชายวัย 51 ปี ถือมีดบุกแทงผู้ใหญ่และนักเรียน ที่ป้ายรถเมล์ เมืองคาวาซากิ
จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 19 ราย..
ชายผู้นี้ถูกคาดว่าเป็น บุคคลที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “ฮิคิโคโมริ”
บุคคลที่เป็นฮิคิโคโมริ จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้อง
โดยอาจไม่มีอาการแสดงถึงความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจแต่อย่างใด
แต่เรื่องนี้อาจเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ซ่อนอยู่
สาเหตุของฮิคิโคโมริ อาจเกิดจากความผิดหวังจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ล้มเหลวในการสอบ โดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนหรือที่ทำงาน หรือประสบความล้มเหลวในการทำงานและธุรกิจ
เริ่มต้นจากการสูญเสียความมั่นใจ และมีความเครียดสะสม
จนกลายเป็นความเบื่อหน่ายที่จะต้องพบปะผู้คน และรับแรงกดดันจากสังคม
ในจำนวนนี้มีไม่น้อยที่ประสบภาวะซึมเศร้า จนหลายคนมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
จากการสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2016 พบว่า
มีประชากรที่คาดว่าเป็น ฮิคิโคโมริ
อายุระหว่าง 15-39 ปี จำนวน 541,000 คน
อายุระหว่าง 40-64 ปี จำนวน 613,000 คน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มากกว่าเพศหญิง
รวมช่วงอายุ 15-64 ปี จะมีจำนวนมากถึง 1,154,000 คน
รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าจำนวนที่แท้จริงอาจมีอยู่ถึง 2 ล้านคน
ซึ่งคิดเป็น 1.6% ของประชากรญี่ปุ่น 127 ล้านคน
แต่หากมองเฉพาะประชากรวัยแรงงานชาวญี่ปุ่น อายุ 15-64 ปี ที่มีอยู่ 76.5 ล้านคน
สัดส่วนของฮิคิโคโมริจะมีอยู่ถึง 2.6%
บรรดาฮิคิโคโมริไม่ทำงาน และไม่มีรายได้ใดๆ
จึงจำเป็นต้องพึ่งพารายได้จากเงินบำนาญของพ่อแม่เพื่อยังชีพ
บางรายปลีกตัวออกจากสังคมตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ปี จนมีอายุถึง 50 ปี
แต่ก็ยังคงพึ่งพาพ่อแม่ซึ่งแก่ชรามากขึ้นทุกที
จนเกิดเป็นปัญหาในญี่ปุ่นที่เรียกว่า “ปัญหา 80-50”
หมายถึง พ่อแม่ในวัย 80 ปี ซึ่งดำรงชีวิตอยู่อย่างอัตคัดด้วยเงินบำนาญ
แต่ยังมีภาระต้องดูแลลูกที่เป็นฮิคิโคโมริในวัย 50 ปี
ผลสำรวจยังพบว่า ฮิคิโคโมริจำนวนไม่น้อยโดดเดี่ยวจากสังคมมามากกว่า 5 ปี
บางคนปลีกตัวเองมานานถึง 30 ปี
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นโสด ไม่ออกไปทำงาน ไม่มีรายได้ และไม่จ่ายภาษี
กรณีนี้น่าสนใจกับสภาพสังคมในญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นซึ่งประสบปัญหาประชากรวัยแรงงานลดลงอย่างมาก
และสัดส่วนผู้สูงอายุกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำมานานเกือบ 30 ปี
จนถูกขนานนามว่า “3 ทศวรรษที่หายไป”
วัยแรงงานซึ่งควรจะเป็นความหวังของเศรษฐกิจ
กลับถูกซ้ำเติมด้วยประชากรนับล้านคนที่ไม่ทำงาน ไม่สร้างรายได้
แต่หากมองว่าคนในวัย 40-50 ปี จะกลับคืนสู่สังคมได้อย่างไร
หรือจะกลับมาประกอบอาชีพอะไร
ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
หนทางสำหรับฮิคิโคโมริจำนวนไม่น้อย จึงเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองลง
หรืออีกหนทางที่เลวร้ายยิ่งกว่า ก็คือการทำร้ายชีวิตคนอื่นในสังคม
เรื่องนี้อาจมีสาเหตุเป็นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ยิ่งมนุษย์ปลีกตัวออกจากสังคมนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลายเป็นสั่งสมความเก็บกดเอาไว้
สุดท้ายอาจแปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้าย
เฝ้ารอเวลาที่จะย้อนกลับมาทำลายสังคม
ทำให้บางครั้งบุคคลเหล่านี้ อาจเอาชีวิตของผู้อื่นไปด้วย..
ดังเช่น มือมีดที่ก่อเหตุฆาตกรรมที่เมืองคาวาซากิซึ่งมีอายุ 51 ปี
หรืออดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและประมงของญี่ปุ่นวัย 76 ปี ผู้เลือกที่จะปลิดชีพของลูกชายซึ่งเป็น ฮิคิโคโมริ วัย 44 ปี เพราะเกรงว่าถ้าปล่อยไว้ก็อาจไปทำร้ายผู้อื่น
ในสังคมญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่า เป็นสังคมที่สงบสุขที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
หากมองในอีกแง่มุม
สังคมที่แสนสงบแห่งนี้อาจเป็นแหล่งซุกซ่อนระเบิดเวลา
ซึ่งมีจำนวนอยู่มากกว่า 1 ล้านคน..
———————-
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ http://www.blockdit.com
———————-
References
-http://www.bbc.com/future/story/20190129-the-plight-of-japans-modern-hermits
-https://apjjf.org/2017/05/Tajan.html
-https://www.statista.com/statistics/612575/japan-population-age-group/
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Hikikomori
-https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2579068
ชุมสาย เอาง่ายๆ แต่ปฏิบัติกันค่อนข้างยาก (มักจะบอกว่ายาก) ยึดทางธรรมะ-ทางสายกลางไม่ตึง ไม่หย่อน ยึดหลักกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ความแน่นอน คือ ความไม่แนนอน โรคอะไรก็ไม่เกิด (ยกเว้นโรคทางกาย)
18 มิ.ย. 2562 เวลา 07.58 น.
Chor ลองกลับไปใช้ชีวิตพอเพียงดูสิ น่าจะดีขึ้นนะ
18 มิ.ย. 2562 เวลา 07.53 น.
yoOHOyo ประสบการณ์ตรง ฮิคิโคโมริ ไม่เหมือนคนติดบ้านทั่วไปนะครับ ผมเคยเป็นอยู่พักนึงตอนที่ต้องออกจากมหาลัยกลางคัน ไม่อยากเจอใครเพราะไม่ต้องการให้ใครถามว่าทำไมถึงออก แม่ก็อายคนอื่นตอนโดนถาม ผมเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน มีแม่ซื้อข้าวให้กิน ทำงานบ้านบ้างเล็กน้อย แต่ก็ขลุกอยู่กับคอม เดินไปมาแค่ห้องนอนกับห้องน้ำ เวลาต้องออกไปนอกบ้านผมจะเลือกเวลากลางคืนที่ไม่ต้องเจอคนแถวบ้าน ถ้าเจอก็จะแกล้งทำเป็นไม่เห็น ไม่ทักทายใคร ความรู้สึกตอนนั้นคือห้องนอนตัวเองคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด อึดอัดน้อยสุด เป็นอยู่ 2 ปี จนไปบวชจึงหาย
18 มิ.ย. 2562 เวลา 02.20 น.
Mr ton คนไทยเป็นเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะหน้าร้อน ถามว่าออกไปข้างนอกร้อนไหม บอกเลยว่าเกรียม ดังนั้นคนไทยจึงอยู่บ้านเปิดแอร์เปิดพัดลม นั่งเล่นเน็ต คุยแชท ชอปปิ้ง สั่งข้าวก็ได้ grabbike มี lineman ก็มี ... คนเก็บตัวในบ้านเรามีน้อยกว่าครับ สังคมเราเฮฮาวันหยุดเยอะ
17 มิ.ย. 2562 เวลา 15.37 น.
maruneko ชอบอยู่ห้องนะ ไม่ไปไหนก้อได้ แต่ก่อไม่ซึมเศร้านะ นอนรูดโทรศัพท์ ช้อปปิ้งไป ตามพอสมควร
17 มิ.ย. 2562 เวลา 14.50 น.
ดูทั้งหมด