แมลงวันในไร่ส้ม
นายกฯ ตู่ไฟเขียว
ตั้ง ส.ส.ร.รื้อ รธน.
ส.ว.ออกอาการ ‘ยื้อ’
การเคลื่อนไหวแฟลชม็อบของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่กลับมาอีกครั้งหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แผ่วลง ได้ลุกลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว
น่าสังเกตว่า แฟลชม็อบรอบนี้ นอกเหนือจากมหาวิทยาลัยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค มีนักเรียนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก สถาบันการศึกษาระดับมัธยมหลายจังหวัด บรรดานักเรียนคิดกิจกรรมกันเอง และเคลื่อนไหวแบบไม่ซ้ำแบบกัน
โรงเรียนระดับหัวกะทิอย่างเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ยังได้จัดการเคลื่อนไหวด้วย
ขณะที่ในทางตรงกันข้าม มีการจัดม็อบของกลุ่มที่เรียกว่า “อาชีวะช่วยชาติ” ออกมาสนับสนุนรัฐบาล แต่มีเสียงวิจารณ์ว่า แกนนำมาจากกลุ่ม กปปส. และผู้มาเข้าร่วมค่อนข้างมีอายุมาก
ทางด้านตำรวจและฝ่ายความมั่นคง ใช้วิธีเกาะติดการเคลื่อนไหว ถ่ายรูปบรรดาผู้เคลื่อนไหว จากนั้นส่งเจ้าหน้าที่ติดตามไปที่บ้าน จนเริ่มมีการแฉในโซเชียลมีเดียว่า มีเจ้าหน้าที่ติดตามคุกคามผู้ร่วมกิจกรรมไปถึงบ้าน
ข้อเรียกร้องของแฟลชม็อบที่นำเสนอคล้ายๆ กันทุกพื้นที่ ยังยืนยันที่ 3 ข้อได้แก่ 1.แก้รัฐธรรมนูญ 2.ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ 3.ให้งดการคุกคามประชาชน
ผลจากการเคลื่อนไหวแฟลชม็อบ วันที่ 31 กรกฎาคม มีข่าวจากคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานออกมาแถลงว่า กรรมาธิการมีมติเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อเปิดทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น
เพราะหากไม่แก้ในมาตราดังกล่าวก็จะไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนอื่นได้ รวมทั้งข้อเสนอจากทุกภาคส่วนที่เสนอขอแก้ไขก่อนหน้านี้ด้วย และหากจะต้องยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ก็อาจจะนำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็สุดแล้วแต่รัฐบาล
นายพีระพันธุ์กล่าวต่อว่า เมื่อสภาเห็นชอบตามรายงานของคณะกรรมาธิการ ก็จะมีการส่งต่อให้รัฐบาลพิจารณา ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะแก้ไขหรือไม่ หากรัฐบาลไม่แก้ เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะหน้าที่ของเรามีแค่นี้ ยืนยันว่าทำงานตามหน้าที่ ไม่ได้ใช้การเมืองนำเหตุผล
นายโภคิน พลกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้มีการศึกษาและทำรายงานสรุปสภาหลายเรื่อง ทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวดว่าด้วยการมี ส.ส.ร.ก็จะคล้ายกับปี 2534 ที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนได้รัฐธรรมนูญ 2540 รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ทั้งนี้ หากแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ได้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือน จะได้ ส.ส.ร. และใช้เวลาอีกประมาณปีครึ่ง ก็จะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริงและใช้แทนฉบับปัจจุบัน
ตามมาด้วยท่าทีจากพรรคต่างๆ ที่สนับสนุนแนวทางของคณะกรรมาธิการ พรรคประชาธิปัตย์มีมติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ให้เดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 256 ที่พรรคได้ชูธงนำประกาศจุดยืนไว้อย่างชัดเจน โดยจะนัดประชุมอีกครั้งในวันพุธที่ 5 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ที่อาคารรัฐสภา เพื่อหารือเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ ส.ส.พรรคได้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ส่วนพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านอื่นๆ มีความเห็นคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเห็นว่า หากรอให้คณะกรรมาธิการชุดของนายพีระพันธุ์เสนอผลการศึกษาต่อสภาในเดือนกันยายนจะช้าไป จึงจะเสนอเป็นญัตติด่วนต่อสภา เพื่อเร่งให้มีการลงมือแก้ไขให้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเริ่มก่อตัวเมื่อ ส.ว.หลายคนไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร. โดยเห็นว่า ควรแก้ไขเป็นประเด็นๆ ไป โดยเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภา ตามข้อกำหนดในมาตรา 256
อาทิ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.กล่าวว่า ถ้าแก้มาตรา 256 เพื่อให้มี ส.ส.ร. กระบวนการจะยาวมาก และเสียงบประมาณด้วย เนื่องจากการแก้มาตราดังกล่าวต้องมีการทำประชามติ แม้จะผ่านการพิจารณา 3 วาระแล้วก็ต้องทำประชามติ เสียงบประมาณกว่า 4 พันล้านบาท
และถ้า ส.ส.ร.ยกร่างขึ้นใหม่ก็ต้องไปทำประชามติอีก เสียงบประมาณอีก 4 พันล้านบาท ส.ส.ร.จะมาจากที่ไหน หากร่างขึ้นมาแล้วบางมาตรา ส.ว.ไม่เห็นด้วย บางมาตราฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย บางมาตราฝ่ายรัฐบาลไม่เห็นด้วย ก็แก้ไม่ได้ เพราะถึงใช้ ส.ส.ร.แต่ก็ต้องมาผ่านกระบวนการเห็นชอบตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ด้วย ดังนั้น การมี ส.ส.ร.ยกร่างอาจทำไม่สำเร็จ
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเพิ่งใช้มาได้ประมาณ 3 ปี ใช้จริงก็ประมาณปีกว่า หากมารื้อใหม่หมดทั้งฉบับ มองว่าไม่น่าจะรีบเร่ง แต่หากมาตราใดที่เห็นว่าสมควรแก้ก็ควรว่ากันเป็นรายมาตรา ยกร่างเข้ามาในสภา อันไหนเอาด้วย อันไหนไม่เอาด้วย ก็จะรู้กัน หากวันนี้ไปรื้อใหม่มันเร็วไป
ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ส.ว.พร้อมให้ความร่วมมือในการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นที่เห็นสมควรแก้ไข เช่น เรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียว ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งมีชีวิต มีกลไกที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาจึงแก้ไขได้
แต่ข้อเรียกร้องที่ให้มีการแก้ไขมาตรา 256 และให้มีการตั้ง ส.ส.ร.นั้น ตนมีจุดยืนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นว่าไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และจะยิ่งทำให้ยุ่งเหยิง เพราะเรายังไม่รู้ว่า ส.ส.ร.จะวางรูปแบบอย่างไรซึ่งยังไม่มีความชัดเจน และอย่าพูดว่า ส.ว.ขัดขวางการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญ เรามีความยินดี แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้มี ส.ส.ร.
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นท่าทีที่ตรงกันข้ามกับบรรดา ส.ว.
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จุดยืนของตนคือสนับสนุนการทำงานของกรรมาธิการชุดของนายพีระพันธุ์
วันนี้ให้เป็นการพิจารณาในระดับ กมธ.ก่อน คาดว่าจะมีการเสนอญัตติของฝ่ายค้านเข้ามา รัฐบาลเองพร้อมร่วมมือ หากเสนอร่างเข้ามา ก็จะมีร่างของรัฐบาลควบคู่ไปด้วย
เชื่อว่าเปิดประชุมสภาสมัยหน้า รัฐสภาจะมีการพิจารณาร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่างๆ รัฐบาลยืนยันให้ความร่วมมือทุกประการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อต้องการลดกระแสม็อบการเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของม็อบนักศึกษาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องของการทำงาน หลังจาก กมธ.หารือแล้ว ก็ต้องรับฟังเขา ต่อมาก็จะต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลมาหารือร่วมกัน ในการที่จะร่างรัฐธรรมนูญเป็นฉบับร่างเพื่อเสนอควบคู่ไป
เมื่อนายกฯ เปิดไฟเขียวอย่างนี้ น่าสนใจว่า เส้นทางแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตั้ง ส.ส.ร. จะ “ผ่านสะดวก” หรือไม่
Rattanakiet K ทำดีย่อมได้ดี
08 ส.ค. 2563 เวลา 19.29 น.
Witthaya W. โคตรเบื่อสื่อค่ายนี้ ขาดจริยธรรม ธรรมาภิบาล ในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นยุคยิ่งลักษณ์ นี่คือความจริง แล้วมาพูดคำว่าประชาธิปไตยได้อย่างใด
08 ส.ค. 2563 เวลา 17.11 น.
ไม่รู้ ถามผม ผมไม่รู้ สว.ช็อกโกแล็ตร้อน ส่วนไอศครีมบอก ผมไม่รู้ ....ไม่รู้จะเล่นมุกไรแล้ว
08 ส.ค. 2563 เวลา 16.37 น.
ประเด็นหลักของการแก้รธน. คือขจัดสว.ลากตั้งทิ้งเสีย
สว.ก็ยื้อสิครับ ไร้ราคาแล้ว สว.250
08 ส.ค. 2563 เวลา 16.30 น.
M2 แมลงวันในไร่ส้ม เข้าใจเรียก ปกติมันตอมแต่..?
08 ส.ค. 2563 เวลา 16.13 น.
ดูทั้งหมด