ไอที ธุรกิจ

เกมเมอร์วิเคราะห์ตารางออกกำลังกาย Abby ใน The Last of Us Part 2 ว่ามัน “เป็นไม่ได้ที่เธอจะกำยำขนาดนั้น”

Beartai.com
อัพเดต 03 ส.ค. 2563 เวลา 05.55 น. • เผยแพร่ 03 ส.ค. 2563 เวลา 05.41 น.
เกมเมอร์วิเคราะห์ตารางออกกำลังกาย Abby ใน The Last of Us Part 2 ว่ามัน “เป็นไม่ได้ที่เธอจะกำยำขนาดนั้น”

แม้กระแสหลาย ๆ อย่างของเกม The Last of Us Part 2 จะเริ่มซาไปบ้างแล้ว แต่สำหรับ Hater หรือผู้ที่ชังเกมนี้ ก็ยังคงพยายามหาและขุดความบกพร่องของเกม ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ร่างกายของ Abby อีกหนึ่งตัวละครหลักของเกมที่ได้มีเกมเมอร์พยายามวิเคราะห์ว่ามัน “เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะกำยำได้ขนาดนั้น”

ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในชื่อ 9 V O L T ได้ทวิตข้อความพร้อมรูปภาพจากในเกม The Last of Us Part 2 ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับตารางออกกำลังกายของอีกหนึ่งตัวละครหลักในเกมอย่าง Abby ที่เธอออกกำลังกายทุกวันตลอด 4 อาทิตย์ในระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งในทางทฤษฎีมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เธอมีร่างกายเป็นเช่นนั้นต่อให้จะเป็นกิจกรรมประจำวันที่ต่อเนื่องก็ตาม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
https://www.reddit.com/r/thelastofus/comments/hfn248/there_is_an_actual_workout_schedule_for_abby/

เพราะในเซ็ตอัปโลกในเกมนี้ คือโลกหลังภัยพิบัติที่อาหารเป็นสิ่งขาดแคลนและต้องกักตุนเพื่อใช้ในการประทังชีวิต ซึ่งในฉากหนึ่งของเกมเราจะเห็นได้ว่าอาหารที่กลุ่ม WLF กินในแต่ละมื้อไม่สามารถเลือกทานได้ , ตามหลักของการสร้างกล้ามเนื้อจำต้องมีวันที่พักหรือต้องสลับส่วนของร่างกายในการเล่นไม่ให้ซ้ำกันทุกวันเพื่อให้ร่างกายถูกฟื้นฟู, ร่างกายที่กำยำขนาดนั้นของ Abby ต้องมีการฉีดสารสเตียรอยด์ (แต่ในเกมไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดตรงนี้) และข้อสุดท้าย ตารางการออกกำลังกายของเธอไม่มีการเล่นกล้ามเนื้อหน้าแขนและหลังแขนซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมากที่ท่อนแขนของเธอในเกมมีความล่ำสันได้ถึงเพียงนั้น

ซึ่งข้อวิเคราะห์ดังกล่าวก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ โดยหลัก ๆ แล้วจะแสดงความคิดเห็นประมาณว่า มีความเป็นไปได้ เพราะตารางการออกกำลังกายของเธอเป็นแบบทั้งตัวหรือเรียกว่า Compound ซึ่งมีการทำงานของกล้ามเนื้อหลายส่วน, เป็นไปไม่ได้ เพราะตามตารางไม่มีวันไหนเลยที่เธอเล่นเฉพาะส่วนของร่างกายหรือแม้กระทั่งกล้ามเนื้อขาหรือหน้าแขนและหลังแขนแบบแยกเดี่ยว (Isolate)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ที่มา: Reddit, Forbes

ดูข่าวต้นฉบับ