ไม่กี่วันที่ผ่านมา
Netflix เพิ่งปล่อยซีรี่ส์รอมคอมดูเพลินที่ชื่อ Emily in Paris ออกมา แสดงนำโดยสาวตากลมลิลี่ คอลลินส์ (Lily Collins) มีแค่ 10 ตอนเท่านั้น ตอนละสั้นๆ เราว่าจะดูทีละนิด แต่ในที่สุดก็นอนดูจนจบภาคเลย
***อาจมีการสปอยล์***
เอมิลี่ สาวนักการตลาดจากเมืองชิคาโก ประเทศอเมริกา มีเหตุให้เธอต้องย้ายที่ทำงานไปอยู่เมืองปารีส แห่งฝรั่งเศสเป็นเวลาหนึ่งปี
ว่าแล้วเธอก็จัดข้าวของ เก็บกระเป๋า ภายในเวลารวดเร็ว นัดหมายกับแฟนหนุ่มว่า เดี๋ยวตามมาเจอกันที่ปารีสนะ แล้วก็บินไปเมืองแห่งความโรแมนติคนี้ทันที
ดื่มด่ำกับบรรยากาศชวนฝันได้ไม่เท่าไหร่ แฟนของเธอก็ขอเลิก เพราะทำใจมีความสัมพันธ์ทางไกลนี้ไม่ได้ (ซึ่งเราเข้าใจผู้ชายมากเลยนะ นี่ผู้หญิงตัดสินใจแบบฉุกละหุกโดยไม่ได้พิจารณาอีกฝ่ายในสมการนี้ ไม่ได้มีการเตรียมตัวสำหรับแผนชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่ออีกฝ่ายไม่ไหว ความสัมพันธ์นี้ก็ควรจบลง)
และแน่นอน, เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เธอก็เริ่มกิ๊กกับหนุ่มใหม่มากหน้าหลายตาในเวลาอันรวดเร็ว
ยังไม่ทันได้ประมวลความเจ็บ ก็รีบเริ่มความรักใหม่ซะแล้ว
ความรักหรือความลัสต์ ? (Lust = อารมณ์ปรารถนาทางเพศ) กันแน่
เราไม่ติดใจอะไรกับการมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เพราะเราเข้าใจว่า สำหรับบางคน ความรัก มันไม่เท่ากับเซ็กส์ บางคนเขาแยกแยะความสัมพันธ์ทางอารมณ์และความสัมพันธ์ทางร่างกายได้ดี อีกอย่างคือ ทุกคนมีสิทธิในร่างกายของตัวเอง อันนั้นก็คือเรื่องของเขา
แต่โดยความเห็นส่วนตัว
เราไม่ค่อยประทับใจค่านิยม ‘โดนทิ้ง แล้วต้องเชิดรีบไปมีแฟนใหม่’ นี้เท่าไหร่
เหมือนถ้ารีบมีแฟนใหม่ได้ก่อนจะชนะ แปลว่าตัดใจได้เร็ว แปลว่าเป็นคนเก่ง
ซึ่งจริงๆ แล้ว เรื่องความรัก มันไม่มีใครแพ้ใครชนะ
เพราะความรู้สึกที่จริงแท้ มันใช้เกณฑ์การแข่งขันเหมือนเล่นกีฬา มาตัดสินไม่ได้
นางเอกเพิ่งเลิกกับพระเอกได้ไม่กี่วัน
ซึ่งเป็นแฟนที่คบกันนานหลายปี เหมือนมีการหมั้นหมายกันแล้วด้วย
ยังไม่ทันจะได้ให้เวลาตัวเองได้เศร้า และเยียวยาตัวเองจากความสัมพันธ์ที่สวยงามและความทรงจำอันคับคั่งนี้ก่อนเลย ความรู้สึกสูญเสียที่จะกลับมาในรูปแบบของอ้าฟเตอร์-ช็อค อาจกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และอาจกลับมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว (เหมือนคลื่นซึนามิ)
‘การพยายามหาความสุขใส่ตัวเองนั้น สำคัญก็จริง
แต่การได้อยู่กับความเศร้าและทบทวนว่าเราได้อะไรจากมัน ก็มีค่าไม่แพ้กัน’
จริงอยู่ ที่ผู้ชมเห็นนางเอกแอบเล็งพระเอกมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว
มีความเพ้อฝันอยู่เป็นทุนเดิม เมื่อฟ้าประทานเปิดทางสว่างให้ปั๊ป
นางเอกก็พร้อมลุย อีกฝ่ายก็เหมือนจะบุกอยู่เหมือนกัน
แล้วนางเอกก็ต้องเจอความจริงที่ว่า ผู้ชายคนนี้ จริงๆ แล้ว คือแฟนของเพื่อนใหม่ของเธอที่นี่!
ความมโนว่าคนนี้ควรต้องเป็นของฉัน ต่างจาก ‘ความชอบกริ๊วกร๊าว’ นะ
ความชอบ มันทำให้เรารู้สึกจั้กจี๊หัวใจ ทำให้ชีวิตเบิกบาน
เราสนับสนุนความเพ้อฝันของผู้หญิง เพราะมันทำให้พวกเธอมีดวงตาที่เป็นประกาย และทำให้พวกเธอมีไฟในการใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง และความชอบบางครั้งควรมีขอบเขตของมัน
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่จัดกรอบความคิดของตัวเองไปแล้วว่า ‘ฉันอยากได้คนนี้’
โดยที่มีความจริงตอกหน้าอยู่ว่า เขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสนิทของฉันมานานก่อนหน้านี้แล้ว
‘ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้ แต่ห้ามการกระทำได้’
เพ้อฝันให้สุด แต่ก็หลุดจากความมโนให้ได้
หลายครั้ง คนชอบคิดว่า ‘มันเสียเวลา’
อุตส่าห์มาอยู่เมืองใหม่ ออกจากบรรยากาศเก่าๆ มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้ม?
แต่จริงๆ ช่วงเวลาที่อยู่กับความไม่สบายใจและอึดอัดใจนั่นแหละ
สอนอะไรเราได้มากที่สุด เพราะมันทำให้เราเติบโตทางความคิด กลั่นกรองมาเป็นคติให้เราใช้ดำเนินชีวิตได้ต่อแบบพอไม่หลงทาง และภูมิใจว่าสิ่งนี้ เรากลั่นมาได้จากประสบการณ์ของตัวเอง
ลองอยู่กับตัวเอง และนั่งวิเคราะห์เหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นไปทีละปมก่อน
- เหตุการณ์นี้มันบอกอะไรเรา?
- ความท้าทายที่ได้จากเรื่องนี้คืออะไร?
- ชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ของความเป็นไปได้ต่างๆ พร้อมประเมินความเสี่ยง
- เราอยากมีตัวตนแบบไหน เมื่อเดินเข้าไปในความสัมพันธ์นั้น หรือเมื่อเดินออกมาจากเหตุการณ์ครั้งนี้?
มันก็ไม่ผิดที่เราจะฝันมีความสุขกับมันในช่วงเวลาหนึ่งแต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้เช่นกัน
07 ต.ค. 2563 เวลา 05.39 น.
☎เป็นของใช้ส่วนตัว😒 แบบเว้..มโนว่าจ้าวมอง
ไม่รู้จ้าวที่หรือจ้าวมือ
Hahaha eiei
07 ต.ค. 2563 เวลา 10.27 น.
🌾ɴᴜɪ ᴋᴀ🎋 รอซีซัน2 ค่ะ หลงรักเชฟ😆
08 ต.ค. 2563 เวลา 02.37 น.
Life is beautiful คือสนุกดีนะ ดูแปปๆจบละอะ อยากดูซีซั่น2เร็วๆจัง
07 ต.ค. 2563 เวลา 11.39 น.
Cafe' ..ปิบูดใฝ่ฝัน
อยากไปนอนใต้หอ!!😨!!..
09 ต.ค. 2563 เวลา 23.06 น.
ดูทั้งหมด