ไอที ธุรกิจ

Far Cry เกมแอ็คชั่นผจญภัยที่เต็มไปด้วยความแตกต่างในทุกภาค

GamingDose
เผยแพร่ 19 ส.ค. 2562 เวลา 08.47 น. • GamingDose - ข่าวเกม รีวิวเกม บทความเกมจากเกมเมอร์ตัวจริง

FAR CRY เหล่าเกมเมอร์ยุคนี้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะชื่อเสียงที่ Far Cry 3 ได้สร้างเอาไว้ ทั้งเกมเพลย์ เนื้อเรื่อง ตัวร้ายของเกมที่ยอดเยี่ยม Far Cry กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่นักเล่นเกมแนว Action Open-World น่าจะต้องนึกถึงเป็นชื่อแรก ๆ และ Far Cry 3 ก็ยังคงเป็นตำนานที่แม้ภาคใหม่ ๆ จะออกมา แฟน ๆ ก็ยังยกให้ภาค 3 เป็นหนึ่งในดวงใจเสมอมา วันนี้เรามาระลึกความหลัง ดู Far Cry กันว่าในแต่ละภาคนั้น มีจุดเด่นและความสนุกของมันอยู่ที่ตรงไหนกันบ้าง

Far Cry (2004) จุดเริ่มต้นของซีรีส์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

Far Cry เปิดตัวภาคแรกในปี 2004 ที่ทุกวันนี้ยังคงหาเล่นได้บน Steam แต่ด้วยความที่อายุเกมมันมากกว่า 15 ปีแล้ว ใครที่ไปลองเล่นแล้วไม่สนุก ไม่อินไปกับตัวเกมก็จะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะตัวเกมมันมีความเป็นเกมยุคเก่าสูงมาก ไม่มีระบบฟื้นพลังชีวิต และเกมเพลย์การเล่นที่ดิบพอสมควร สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Far Cry ภาคแรก คือความเป็นเกมโลกเปิดของมัน ซึ่งในยุคปีนั้นยังถือว่าน้อยมาก ๆ ที่จะมีคนทำเกมแบบโลกเปิดแบบนี้ และ Far Cry ก็ทำออกมาได้ดี ถึงแม้จะไม่ได้ดีมากถึงที่สุด แต่นี่ก็คือจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ Far Cry ที่เริ่มต้นได้สวย ผู้เขียนเองเคยมีโอกาสสัมผัสภาคนี้อยู่บ้าง ต้องย้ำอีกครั้งว่าความเก่าของมันอาจจะไม่ถูกใจเกมเมอร์รุ่นปัจจุบันเสียเท่าไร มันจะสนุก หรือไม่สนุก ผู้เล่นแต่ละคนต้องลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง

Far Cry 2 (2008) เอาใจสายฮาร์ดคอร์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

4 ปีหลังจากการเปิดตัว Far Cry ภาคแรก Far Cry 2 ก็เปิดตัวมา พร้อมกับเส้นเรื่องที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับภาคแรกเลยสักนิด ภาคนี้ตัวเกมพาเรามายังพื้นที่เขตสงครามของโซนแอฟริกา บรรยากาศอันแห้งแล้ง เหมือนป่าเขตร้อน แถมตัวละครเอกของเราที่ติดเชื้อมาลาเรีย ทำให้เราทั้งต้องต่อสู้กับศัตรูและเอาตัวรอดไปพร้อม ๆ กัน

Far Cry 2 นะเสนอความดิบเถื่อน ค่อนไปทางความฮาร์ดคอร์อยู่เป็นส่วนมาก ระบบปืนขัดลำกล้อง การยกแผนที่ขึ้นมาดูสด ๆ น่าจะถูกใจแฟนเกมเป็นจำนวนมาก ภาคนี้เป็นอีกภาคที่คู่ควรแก่การลองหามาเล่นสักครั้ง แม้อายุเกมจะเกินสิบปีแล้ว ในส่วนของกราฟิกอาจจะไม่ใช่ที่สุด แต่ระบบเกมเพลย์การเล่น หากใครที่ชื่นชอบความท้าทาย ความดิบ ตรงนี้ Far Cry 2 จะตอบโจทย์คุณได้แน่นอน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

Far Cry 3 (2012) โด่งดังไปทั่วโลก เพราะตัวร้ายที่น่าจดจำ

เชื่อว่าเกมเมอร์ทุกคนรู้จักชื่อ Far Cry ขึ้นมาก็เพราะภาคนี้แน่นอน และต้องบอกว่า Far Cry 3 นี่แหละ ที่ทำให้ผู้เขียนหันมารู้จักสิ่งที่เรียกว่า "เกมแท้" บน Steam สำหรับ Far Cry 3 สิ่งที่น่าจดจำ ไม่ใช่เนื้อเรื่อง ไม่ใช่พระเอก แต่กลับเป็นตัวร้ายที่ชื่อ Vaas ที่รับบทโดย Michael Mando นั่นเอง นอกจากจะโดดเด่นบนปกเกมแล้ว ทั้งการกระทำ ความจิตของมันถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ Far Cry 3 กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก

ส่วนแฟน ๆ ชาวไทยก็อาจจะอินกับภูมิประเทศก็ภาคนี้ เพราะบรรยากาศมันช่างเหมือนกับหมู่เกาะทางใต้ของประเทศไทยเรามาก ๆ ทั้งที่พักอาศัย เหล่าสัตว์ต่าง ๆ รวมไปถึงฉากในเกมบางฉากยังมีภาษาไทยปนเข้าไปด้วย (ฉากเดียวเท่านั้น) บวกกับเกมเพลย์ที่เข้าถึงได้ง่ายมาก ไม่ยากจนเล่นแล้วเบื่อ แต่ก็ไม่ง่ายเกินไปจนเกมไม่สนุก ดังนั้นหากไม่ซีเรียสกับการต้องเล่นเกมแบบเก็บให้ครบทุกภาค Far Cry 3 เป็นภาคที่ผู้เขียนแนะนำให้ลองหามาเล่นที่สุดแล้วครับ แล้วคุณอาจจะรักซีรีส์ Far Cry ขึ้นมาเลยก็ได้

Far Cry 4 (2014) การสานต่อที่เร็วเกินไป

ดูเหมือนว่า Ubisoft จะรีบไปหน่อยกับการเข็นภาคต่อนี้ออกมา เพราะแม้ฉากหลังของเกมจะเป็นโลกที่เซ็ทขึ้นมาอย่างประเทศ Kyrat แต่นอกจากฉากหลังของเกมแล้ว เกมเพลย์ต่าง ๆ ล้วนเหมือนภาค 3 เกือบทั้งหมด มีเพียงบางอย่าง บางระบบเท่านั้นที่นำเอาระบบของภาค 3 มาต่อยอดให้เจ๋งขึ้น และที่สำคัญคือภาคนี้ ระบบการ Takedown เป็นอะไรที่โคตรเท่เอามาก ๆ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ฉากหลังของเกมก็มีผลที่ทำให้เราอยากเล่นอยู่แล้ว แม้จะเกมเพลย์หลัก ๆ จะเหมือนเดิม แต่การเปลี่ยนสถานที่ที่เราได้ไปลุย ก็ทำให้เราติดพันกับเกมนี้ได้ไม่ยาก ภาคนี้ Ubisoft เขาก็ทำ Kyrat ออกมาได้สวยงามมากเสียด้วย แถมยังมีสัตว์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างช้างให้ไปขี่และไล่กระทืบพวกศัตรูอย่างเมามันส์ Far Cry 4 อาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากนัก แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ ภาคนี้ก็ไม่ใช่ที่เลวร้ายอะไรนักครับ

ส่วนตัวร้ายของภาคอย่าง Pegan Min ที่ถึงแม้จะดูดีมีเสน่ห์ แต่ก็ไม่เท่ากับ Vaas ซ้ำร้ายนั้นตัวเกมในภาคนี้ เมื่อเราเล่นจนจบเกมแล้ว เรากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นตัวร้ายกันแน่ ใครที่เล่นมาแล้วจะรู้ว่า ฉากจบแบบพิเศษในช่วงต้นเกมนั้นแหละ เป็นวิธีจบเกมที่ดีที่สุดแล้วด้วยซ้ำ

Far Cry 5 (2018) เยือนดินแดนอเมริกา

ในภาคที่ 5 อาจไม่ใช่ภาคที่เปลี่ยนแปลงไปมากแบบก้าวกระโดดเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจ คือตัวเกมกลับมาดำเนินเรื่องบนแผ่นดินอเมริกาแล้ว หลังจาก 4 ภาคแรก แทบไม่มีการเดินเรื่องในประเทศอเมริกาเลย แถมศัตรูในภาคนี้ก็เป็นลัทธิศาสนา ล้างสมองคนอีกด้วย ทำให้มันดูใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด และสิ่งที่พัฒนาขึ้นไปอีกในภาคนี้ คือส่วนของกราฟิก ที่ยิ่งทำยิ่งสวย และในภาคนี้ก็ยังคงความสวยงามไว้ บวกกับการออปติไมซ์ที่ทำออกมาได้ดีมาก ถ้าคุณเล่นภาค 4 ได้ คุณก็ยังเล่นภาค 5 ได้แบบสบาย ๆ เช่นกัน

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือความโอเวอร์จากภาค 4 ที่ถูกลดทอนลง และภาคนี้ยังเริ่มมีระบบวิถีกระสุนที่หลายคนอาจจะไม่ชินนัก แต่ก็เพราะเราไม่ได้ยิงคนที่หลบหลีกเก่งขนาดนั้น เป็นเพียง A.I. ดังนั้นระบบนี้ใช้การปรับตัวเพียงนิดหน่อยก็น่าจะได้แล้ว นอกจากนั้นภาคนี้ใครที่ชอบเถลไถล ออกนอกลู่นอกทางก็อาจจะต้องขัดใจนิดหน่อย เพราะมีระบบสะสมแต้ม และเมื่อแต้มถึงตัวเกมก็จะบังคับเข้าสู่ภารกิจเนื้อเรื่องโดยทันที ทำให้ทุกคนจะจบเกมในระยะเวลาที่เท่า ๆ กัน

นอกจากนั้นใน Far Cry 5 นี้มันยังได้สร้างตอนจบสุดปวดตับที่ไม่ว่าจะจบแบบไหน ผู้เล่นก็จะหน่วงไปกับทุกเหตุการณ์ในตอนจบแน่ ๆ เป็นภาคที่ผมอยากให้ลองเล่นดูจริง ๆ ครับ

ภาคสปินออฟอีกมากมาย

ไม่ใช่แค่ภาคหลักทั้ง 5 ภาค แต่ Far Cry ยังมีตัวเกมที่เรียกว่า Spin-Off หรือภาคย่อย โดยหลัก ๆ แล้วมี 3 ภาคนั่นคือ Far Cry : Blood Dragon (สปินออฟจากภาค 3) , Far Cry : Primal (แยกเป็นเอกเทศ) และ Far Cry : New Dawn ที่สานต่อเนื้อเรื่องมาจาก Far Cry 5 และแม้จะเป็นเพียงภาคแยก แต่ตัวเกมก็ยังคงทำออกมาได้ดีโดยเฉพาะภาค Primal ในส่วนของ New Dawn นั้น Far Cry ก็ได้พาตัวเองไปยังจุดหมายใหม่ ๆ อย่างเช่นการใส่ความเป็น RPG เข้าไปในเกม จนแฟน ๆ บางส่วนเริ่มสงสัยว่า Far Cry 6 หรือภาคต่อ ๆ ไปจะนำเอาความเป็น RPG มาใส่ไว้ในเกม เหมือนที่ Ubisoft กำลังทำกับทุกเกมในเครือตัวเองตอนนี้หรือไม่

จริง ๆ แล้ว Far Cry ยังมีภาคย่อยแยกไปอีกเยอะที่ลงให้กับเครื่องเกมอื่น ๆ อย่างเช่น Wii และ XBOX แต่ทางผู้เขียนไม่อาจหามาเล่นได้จริง ๆ แต่เพียงเท่านี้เราก็เห็นแล้วว่า Far Cry ในแต่ละภาคนั้น แม้เกมเพลย์จะซ้ำซากไปบ้างในบางภาค แต่สิ่งที่ Far Cry นำเสนอมานั้น ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า Ubisoft นั้น นำพาแฟรนไชส์ของตัวเองไปได้ไกลแค่ไหน และเชื่อว่า Far Cry จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่อยู่ภายในใจของแฟนเกมไปอีกนานครับ ตราบใดที่ภาคต่อยังคงมีออกมาเรื่อย ๆ และมันยังรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • Kurt-Jib Lee
    ก็เล่นได้นานกีนะ
    20 ส.ค. 2562 เวลา 06.39 น.
  • roongkp
    🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶 🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷 ‼️ด่วน‼️🙎🏻‍♂️🙍🏻‍♀️ตามหาคนอยากทำงานพาสไทม์ เรียนก็ทำได้ อยากทำเป็นรายได้เสริมก็ทำได้ คนทำงานประจำก็ทำได้ ด่วน!!!!!📌📌📌📌📌 - คอนเฟิร์มลูกค้า Facebook/Line (ทำผ่านมือถือ) - รับอายุ 18-60 ปี #กรุงเทพปริมณฑลรับเป็นพิเศษ - 💰รายได้ 3,000-5,000 ต่อสัปดาห์ 20,000/เดือน💰 สนใจงานแอดไลน์ไอดี @gmt9811n (มี @ ด้วย) 🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷🔷 🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶
    19 ส.ค. 2562 เวลา 16.52 น.
ดูทั้งหมด