ไอที ธุรกิจ

'หอการค้า'ห่วงเศรษฐกิจปี 63 จะโตต่ำกว่า 2.5%มากๆ

ไทยโพสต์
อัพเดต 27 ม.ค. 2563 เวลา 02.49 น. • เผยแพร่ 27 ม.ค. 2563 เวลา 02.49 น. • ไทยโพสต์

 

27 ม.ค. 2563 นายธนวรรธน์  พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรีกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ระบุว่า ในขณะนี้มีกังวลมากขึ้นเป็นและมีมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสมากขึ้นเป็นลำดับที่จะขยายตัวย่ำแย่กว่าปีที่แล้วซึ่งขยายตัวเพียง  2.5-2.6% 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งนี้เพราะข้อมูลล่าสุดทั้งข้อมูลทุติยภูมิจากทางราชการและภาคเอกชน  ตลอดจนผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนและนักธุรกิจทั้งของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและสถาบันวิจัยต่างๆ   บ่งชี้ออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน และอาจจะซึมตัวต่อเนื่องไปได้อีกโดยยังไม่รู้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทย (รวมทั้งเศรษฐกิจโลก) จะถึงจุดต่ำสุดเมื่อไรและจะฟื้นตัวเมื่อไร อีกทั้งจะฟื้นตัวเร็วหรือช้าแค่ไหน   

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงใหม่เข้ามาเขย่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกมากขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (หรือหลังจากคอลัมน์ที่แล้ว) นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในจีนที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดกระจายไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก  ตลอดจนปัญหางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่มีการเสียบบัตรแทนกันในการลงคะแนนรับร่างงบประมาณฯ ในวาระที่ 3 ซึ่งทางรัฐบาลต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าต้องดำเนินการอย่างไร “ผ่านแล้วใช้ได้ทันที หรือต้องดำเนินการเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน

" แน่นอนครับว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทุกหย่อมหญ้าอย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ เพราะงบประมาณแผ่นดินครอบคลุมการใช้จ่ายของทุกจังหวัดทุกพื้นที่ในประเทศ ทั้งงบลงทุนและงบการใช้จ่ายโดยทั่วๆ ไป  รวมทั้งผู้รับเหมา ผู้จัดซื้อส่งสินค้าและบริการ จึงมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวลงช้ากว่าเดิมได้   ด้วยเหตุเสี่ยง 2 ปัจจัยเสี่ยงข้างต้นทำให้คนไทยส่วนใหญ่กลัวว่าเศรษฐกิจไทยจะทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องและจะฟื้นตัวช้ามาก" นายธนวรรธน์ เขียนในบทความ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่กังวลมากที่สุดคือเรื่องงบประมาณ   หากงบประมาณปี 2563 ล่าช้าไปกว่าแผนเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่จะนำมาใช้ได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้โดยอาจล่าช้าไปอย่างน้อยกว่าเดิม 3 เดือน คือนำมาใช้ได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถ้าเป็นไปตามนี้เศรษฐกิจไทยคงยังไม่เสียอาการ แต่อาจทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าเดิม ซึ่งในปีนี้ศูนย์พยากรณ์ฯ คาดไว้โดยจะโตต่ำกว่า 2.8%   แต่ถ้าเกิดปัญหาทางการเมืองบานปลายจนอาทำให้เกิดการ ยุบสภา จนส่งผลกระทบต่องบประมาณปี 2563 ไม่สามารถนำมาใช้ได้ และส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณปี 2564  จะทำให้เศรษฐกิจไทยหนักและเหนื่อย อาจส่งผลให้ปีนี้โตต่ำกว่า 2.5% มาก  

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • Tomvorapot
    ยามนี้ต้องใช้บาทแข็ง ทุนสำรองสูง เฟ้อต่ำ สะพัดดีสถานะการเงินประเทศที่มั่นคง ผันเข้ามาช่วย เพราะเราเหลือเครื่องยนต์เดียวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แถมช้ามา 3 เดือนแล้ว ยังสะดุดลงอีก อีกทั้งเครื่องนี้ต้องช่วยพยุงอีก 2 เครื่องที่ชะลอตัวอยู่ กอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือน ฝุ่นพิษ น้ำมันขึ้น สินค้าเกษตรตก ไวรัสโคโรนาและอื่นๆที่โถมเข้ามา เราต้องออก พรก. ดีๆสัก 1ล้านล้าน เช่น ลงทุนฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ดูแลป่าเขาทะเลชุมชน จัดการน้ำเสีย ขยะ ฯลฯ ทำทั่วประเทศ จ่ายค่าแรง 425 บาทจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และนาน
    27 ม.ค. 2563 เวลา 07.15 น.
  • สุรชัย
    วิตกจริตเกินกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงกับการคาดการณ์แล้วมาหันธงยังไม่ได้หรอก
    27 ม.ค. 2563 เวลา 09.09 น.
ดูทั้งหมด