สำนักข่าวต่างประเทศรายงานบรรยากาศการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 33 ที่สิงคโปร์ รวมชาติหุ้นส่วนเจรจาอย่างสหรัฐฯ รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย มุ่งเน้นการหารือครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคงและการค้า โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ประชุมได้หารือในประเด็นความขัดแย้งทะเลจีนใต้ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามหาหนทางสรุปให้ลงตัวเรื่องข้อตกลง “แนวทางปฏิบัติร่วม” ต่อปัญหาทะเลจีนใต้
เช่นเดียวกับการหารือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซป ที่ถูกมองว่าเป็นข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งจีนเป็นผู้ผลักดัน และอยากได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ากรอบเวลาได้ถูกเลื่อนไปเจรจาต่อในปี 2562 แทน เนื่องจากชาติร่วมเจรจาอย่างอินเดีย กังวลเรื่องการให้ทุนจีนเข้าถึงตลาดภายในประเทศได้มากขึ้น ทั้งยังมีประเด็นที่ติดขัดอื่นๆอีก เช่น การคุ้มครองธรรมชาติ ภาษีการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา และระบบธุรกรรมทางการเงิน
การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ นางอองซาน ซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของเมียนมา ยังตกเป็นเป้าโจมตีกรณีการรับมือปัญหาผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจาในรัฐยะไข่ จาก ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่มองว่าเป็นการกดขี่ ฆ่าหมู่ ยุคนี้ไม่มีใครทำแล้ว และนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถามหาความคืบหน้าเรื่องการจัดการหาตัวผู้รับผิดชอบ ซึ่งนางซูจีตอบโต้นายเพนซ์ว่า ควรแลกเปลี่ยนมุมมองกันและกันเพื่อสร้างความเข้าใจ เมียนมาเข้าใจประเทศตัวเองดี เหมือนกับที่สหรัฐฯเข้าใจประเทศตัวเองมากกว่าชาติอื่น
นอกจากนี้ นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ ชี้แจงว่าสาเหตุที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่เข้าร่วมการประชุมอาเซียน เนื่องจากตารางเวลาไม่ลงตัว มีทั้งงานรำลึกสงครามโลก และต้องเตรียมตัวประชุมจี 20 ที่อาร์เจนตินา 29 พ.ย. มิใช่ว่าให้ความสำคัญน้อยลงแก่ภูมิภาคนี้
วันเดียวกัน นายทรัมป์กล่าวโจมตีนายเอ็ม-มานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่วิจารณ์เรื่องการปลุกชาตินิยม กระทบนโยบายอเมริกามาก่อนของสหรัฐฯ ว่าไม่มีใครเป็นชาตินิยมไปกว่าฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พร้อมแขวะเรื่องฝรั่งเศสเกือบแพ้สงครามโลกแก่เยอรมนี ส่วนศาลวอชิงตัน ดี.ซี. สั่งรัฐบาลสหรัฐฯส่งตัวแทนรับฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 14 พ.ย. กรณีสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ ต่อเหตุการณ์สั่งห้ามผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นทำข่าวในทำเนียบขาว ซึ่งถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดเสรีภาพสื่อมวลชน.
เหตุเกิดจากใคร?
ก็รู้ๆกันอยู่... อยากให้ช่วยกันแก้ใขไม่ใช่โยนให้ใครประเทศไดประเทศ1รับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว(เรื่องโรฮีจา)ภาวนาให้สงบเร็วๆ
#รช
16 พ.ย. 2561 เวลา 04.22 น.
พ่อน้องเพชร น่าสารซูจีครับ ปัญหาภายในที่ทับถมและทับซ้อนอยู่ก็น่าจะมากโขอยู่ ทั้งอำนาจฝ่ายทหาร ผู้นำเก่า ผลประโยชน์ภายในประเทศไทย นะนกลุ่มน้อยอื่นๆ อำนาจแฝงต่างๆ จะให้แก้เสร็จในช่วงเวลาอันน้อยนิด ให้กำลังใจดีกว่าครับ และช่วยเหลือกันตามสมควร
16 พ.ย. 2561 เวลา 04.13 น.
Panya Chunnanonda ประเทศอาหรับที่ร่ำรวยทั้งหลาย ก็แบ่งกันรับพี่น้องมุสลิมโรฮิงญา ไปเลี้ยงดูหน่อยสิครับ ไหนชอบพูดแบบสวยๆว่า “มุสลิมทุกคน เปรียบเหมือนเรือนร่างเดียวกัน” จะให้พม่าซึ่งเป็นเมืองพุทธแต่ยากจน เลี้ยงดูมุสลิม 7-8 ล้านคนเหล่านี้ ได้ยังไงครับ
16 พ.ย. 2561 เวลา 04.07 น.
💖ผีเสื้อน้อย... อำนาจทำให้ลืมอุดมการณ์
16 พ.ย. 2561 เวลา 03.44 น.
Jm ขอบคุณประเทศไทยที่บริหารจัดการกับทุกกลุ่มชาติพันธ์ได้โดยความเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนพม่าคอยแต่ฆ่าล้างเผ่าพันธ์
16 พ.ย. 2561 เวลา 03.43 น.
ดูทั้งหมด