เชื่อว่าเราทุกคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับการมีอายุยืนของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและวิถีชีวิตของพวกเขา โดยทั่วไปอาหารญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อมากในเรื่องการมีประโยชน์ต่อสุขภาพและไม่ได้จำกัดอยู่แค่ซูชิโรลเท่านั้น ปัจจุบันญี่ปุ่นก็ประสบกับปัญหาเรื่องอาหารที่ด้อยคุณภาพลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตในอดีตก็ยังไม่ถูกลืมเลือนหายไปและนี่คือ 7 เคล็ดลับการมีสุขภาพดีของชาวญี่ปุ่น
เคล็ดลับที่ 1 : ปลา ถั่วเหลือง ข้าว ผัก และผลไม้
ลืมกระบวนการทำอาหารที่แสนยุ่งยากแถมยังใช้เวลานานอย่างในภัตตาคารไปได้เลย เพราะมื้ออาหารส่วนใหญ่ของชาวญี่ปุ่นจะประกอบไปด้วยปลาย่างกับข้าวสวย ผักต้ม ซุปมิโซะ 1 ถ้วยและชาเขียว ตบท้ายด้วยผลไม้เป็นของหวาน เท่านี้เอง
เคล็ดลับที่ 2 : สัดส่วนขนาดเล็ก
เคยสังเกตไหมว่าอาหารในภัตตาคารญี่ปุ่นมักมาในปริมาณเพียงเล็กน้อย การจัดแต่งอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญมากในญี่ปุ่น ขณะที่กฎคือต้องการให้คุณได้ละเลียดรสชาติของอาหารอย่างช้าๆ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
- อาหารแต่ละจานจะไม่เยอะจนแน่น
- และจัดเสิร์ฟมาในจานของตัวเอง
- ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อให้คุณดื่มด่ำกับรูปลักษณ์อันประณีตของอาหาร
- ควรหยุดรับประทานเมื่อรู้สึกอิ่มแล้วราวๆ 80%
หากคุณกำลังลดความอ้วนก็สามารถนำการควบคุมสัดส่วนของอาหารมาประยุกต์ใช้ได้ และด้วยวิธีนี้เองทำให้บางคนสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 88 ปอนด์ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปี
เคล็ดลับที่ 3 : ปรุงอาหารเบาๆ
ไม่ว่าจะเป็นวิธีต้ม ย่าง ผัด หรือตุ๋นก็เหมาะที่จะนำมาใช้ประกอบอาหาร นอกจากนี้เชฟชาวญี่ปุ่นจะเลือกใช้น้ำมันที่ไม่ส่งผลกระทบต่อหัวใจและหลีกเลี่ยงส่วนผสมหรือการปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูงเป็นเวลานานๆ ที่สำคัญพวกเขานิยมอาหารสดใหม่และตกแต่งง่ายซึ่งดีต่อสุขภาพแถมยังช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องด้วย
เคล็ดลับที่ 4 : ไม่ใช้ขนมปัง เลือกใช้แต่ข้าว
ชาวญี่ปุ่นไม่นิยมรับประทานขนมปังแต่จะมีข้าวเป็นองค์ประกอบสำคัญในอาหารทุกมื้อ ปัจจุบันข้าวกล้องซึ่งดีต่อสุขภาพมากกว่ากำลังเข้ามาแทนที่ข้าวขาวแล้ว
เคล็ดลับที่ 5 : เสริมพลังในอาหารมื้อเช้าด้วยซุปมิโซะ
ในญี่ปุ่นถือว่าอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญและใหญ่มากซึ่งจะประกอบไปด้วยอาหารสัดส่วนเล็กๆหลากหลายชนิด ขณะที่ซุปมิโซะซึ่งอุดมไปด้วยโพรไบโอติกคือแหล่งพลังงานที่สำคัญในมื้อแรกของวัน
เคล็ดลับที่ 6 : รับประทานของหวานให้น้อยลง
ของหวานที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบไม่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น เนื่องจากชาวญี่ปุ่นไม่นิยมรสหวานซึ่งต่างจากชาวตะวันตก และของหวานส่วนใหญ่มักนำมาเสิร์ฟในปริมาณเล็กน้อย
เคล็ดลับที่ 7 : ทัศนคติที่แตกต่างกันในเรื่องของอาหาร
ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นจะมีความสุขกับการรับประทานอาหารและไม่กังวลเกี่ยวกับน้ำหนักของตัวเองซึ่งต่างจากผู้หญิงในแถบตะวันตก นอกจากนี้การออกกำลังกาย เช่น การเดิน ได้ทำให้ชาวญี่ปุ่นมีรูปร่างผอมบางและมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ
และนี่คืออาหาร 7 อย่างที่เป็นเบื้องหลัง
ของการมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวของชาวญี่ปุ่น
1. ปลา
ชาวญี่ปุ่นบริโภคปลาเป็นจำนวนเกือบร้อยละ 10 ของโลก ด้วยเหตุนี้ชาวญี่ปุ่นถึงแข็งแรงปราศจากโรคและดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โอเมก้า 3 มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมหาศาลและยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ด้วย
2. ผัก (ทั้งในน้ำและบนบก)
ผักต่างๆจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุ นอกจากนี้ผักยังช่วยให้คุณอิ่มท้องมากขึ้น ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ต้นอ่อน คะน้า และผักกวางตุ้งมากกว่าชาวอเมริกันถึง 5 เท่า ขณะที่สาหร่ายทะเลก็เป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญของชาวญี่ปุ่นเช่นกัน
3. ข้าว
ข้าวคืออาหารหลักของชาวญี่ปุ่น ปราศจากโซเดียม (เกลือ) ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และคลอเรสเตอรอล หากต้องการมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่านั้นให้เลือกรับประทานเป็นข้าวกล้องแทน และใส่น้ำมันบางชนิดลงไปด้วยขณะที่น้ำเดือด
4. ถั่วเหลือง
ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานถั่วเหลืองมากประมาณวันละ 50 กรัม และอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ทำมาจากถั่วเหลืองด้วย
5. บะหมี่
นี่คืออาหารหลักอีกอย่างของชาวเอเชียที่มีไขมันต่ำ ในญี่ปุ่นมีบะหมี่หลากหลายรูปแบบซึ่งทำจากถั่วเขียวและเมล็ดบักวีต (เส้นโซบะ) พยายามหลีกเลี่ยงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเนื่องจากมีโทษมากมาย
6. ชาเขียว
ชาวญี่ปุ่นนิยมจิบชาเขียวถ้วยเล็กๆเป็นการปิดท้ายมื้ออาหาร ชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยปกป้องหัวใจและสามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆได้ด้วย ส่วนชาเขียวมัทฉะนับว่าเป็นชาที่ดีต่อสุขภาพเป็นพิเศษ
7. ผลไม้
เราควรเลือกรับประทานผลไม้สดเป็นของว่างแทนที่จะเป็นขนมปังกรอบ เค้ก และมัฟฟิน หากคุณกังวลเรื่องยาฆ่าแมลงก็เลือกผลไม้ออร์แกนิกหรือผลไม้ที่ใช้วิธีธรรมชาติในการกำจัดแมลงศัตรูพืช
ข้อสำคัญควรพิจารณา
แม้ว่าอาหารญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อในเรื่องคุณประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีข้อสำคัญที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- การใช้ซอสถั่วเหลืองมากเกินไป– ปัจจุบันซอสถั่วเหลืองไม่ได้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายอีกต่อไปแล้ว เว้นแต่ว่าจะรับประทานแบบหมัก
- ข้าวขัดสี– ข้าวขัดสีเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวและมักเกี่ยวข้องกับเชื้อโรคอันตรายร้ายแรง ดังนั้นควรเปลี่ยนมารับประทานข้าวกล้องแทน (คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน) เนื่องจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและเบาหวานประเภท 2
- ผักดองเกลืออาจทำให้ระดับโซเดียมในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นอันตรายหากรับประทานในปริมาณมาก ขณะที่ซอสถั่วเหลืองก็มีโซเดียมด้วยเช่นกัน
คุณไม่จำเป็นต้องเลือกรับประทานเฉพาะอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะอาหารสัญชาติเอเชียอื่นๆก็มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้กัน ที่สำคัญคุณควรเพิ่มผักผลไม้เข้าไปและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูปก็พอ
ณัทรัฎฐ์ จริงๆแล้วการปรุงอาหารไทยนี่ก็ประณีตไม่แพ้กันนะ สมัยก่อนจำได้เวลาจะกินข้าวต้องมีอาหารคู่กันเช่นแกงส้มกับปลาวง ต้มจืดตำลึงกับกระดูกหมูทอด ผัดพริกแกงกับปลาทอด น้ำพริก ปลาทู ไข่ชะอม ผักจิ้ม คู่กัน อะไรประมาณเนี๊ยะ น่าจะเอามาชูโรงก็สู้กับอาหารญี่ปุ่นสบายๆ อร่อยกว่าด้วยเพราะมีความหลากหลายของรสชาติ และสมุนไพรก็เยอะกว่าด้วย ควรเห็นคุณค่าอาหารบ้านเราให้เยอะกว่านี้อ่ะนะคะ
03 ส.ค. 2561 เวลา 02.04 น.
nanoi ของเรา พวกเครื่องแกง นำ้พริกผัก มีประโยนช์มาก
03 ส.ค. 2561 เวลา 00.51 น.
Rom ขึ้นอยู่กับพ่อครัวแม่ครัวด้วย
มันจะดูแลเรารึป่าวละ มันเยิ้ม สุกแล้วสุกอีก ผักอีก
เราทำเองก็เลือกได้
03 ส.ค. 2561 เวลา 02.44 น.
คนกึ่งศตวรรษ เปนบทความที่เหตุผลครอบจักรวาลเหลือเกิน
03 ส.ค. 2561 เวลา 02.20 น.
Au พูดง่าย ทำยาก
03 ส.ค. 2561 เวลา 01.37 น.
ดูทั้งหมด