การเมือง

พิธา ใช้โลโก้พรรค แทนเบอร์ 31 ไปก่อน-ชี้เลขเยอะไม่กระทบกาบัตร จี้ "ตู่-ป้อม" ดีเบตอวดวิชั่น

MATICHON ONLINE
อัพเดต 04 เม.ย. 2566 เวลา 06.58 น. • เผยแพร่ 04 เม.ย. 2566 เวลา 05.49 น.

‘พิธา’ ชูสามเหลี่ยมหัวกลับ โลโก้พรรค ใช้แทนเบอร์ 31 ไปก่อน ชี้เลขไม่สวยไม่กระทบเลือกตั้ง อยู่ที่ ปชช. วางตัวผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ประกบคู่ผู้สมัครเขต เตรียมดาวกระจายหาเสียงทั่ว ปท. จี้ ‘ตู่-ป้อม’ ดีเบต อวดวิชั่นโชว์ ปชช.

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรับแจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน 2566

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ต่อมาเวลา 11.20 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์หลังจับสลากหมายเลขประจำพรรคได้เบอร์ 31 ซึ่งจะนำไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าบริบทการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นบัตรสองใบ และมี 2 เบอร์ จะทำให้พี่น้องประชาชนสับสนได้ เราจึงจะพยายามหาเสียงไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน ต่อไปจะเลือกพูดว่ากาก้าวไกล และเบอร์ของ ส.ส.เขตเท่านั้น จึงอยากให้ทุกคนออกไปเลือกตั้งกันเยอะๆ นอกจากนี้ กกต.ยังเปิดรับสมัครพรรคจนถึงวันที่ 7 เมษายน ตอนนี้มี 49 พรรค ถ้าสมัครจนถึง 60 พรรค ก็จะแบ่งเป็น 30 กับ 30 ถ้าพรรค ก.ก.ได้เบอร์ 31 ก็จะอยู่ขวาบนของบัตรเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนหาง่าย แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับยุทธศาสตร์การหาเสียงที่สอดคล้องกับบริบทการเลือกตั้งครั้งนี้

เมื่อถามว่าคิดท่าการหาเสียงไว้หรือยัง นายพิธากล่าวว่า ตอนนี้ขอใช้โลโก้ของพรรค ก.ก.คือสามเหลี่ยมกลับหัว ประชาชนจำนวนมากเป็นสูงสุดของพี่น้องประชาชน อยากจะให้จำโลโก้พรรค ก.ก.ไว้เท่านี้พอเพื่อกาในบัตรเลือกตั้งของพรรค และจำเบอร์ของ ส.ส.เขตให้แม่น เพราะบัตรเลือก ส.ส.เขตจะมีแค่เบอร์ ไม่มีชื่อผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดสับสน คือให้จำเบอร์เขตให้ได้ ที่เหลือก็ขอให้กาพรรค ก.ก. เมื่อถามว่ากังวลว่าจะเลื่อนลำดับลงมาถ้ามีพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ผ่านการพิจารณาของ กกต. นายพิธากล่าวว่า เราไม่ซีเรียส และต้องรอให้ถึงวันที่ 7 เมษายนก่อน ตนจึงไม่ชูนิ้วชูเบอร์ ชูแต่โลโก้พรรค เมื่อถามถึงกรณีพรรคใหญ่จับสลากได้เบอร์ยากเกือบทั้งหมด นายพิธากล่าวว่า ไม่มีผลกับการเลือกตั้ง เมื่อสักครู่ได้นั่งคุยกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.มีกลยุทธ์การหาเสียงอย่างไร นายพิธากล่าวว่า อย่างแรกภายใน 2-3 วันนี้จะต้องสร้างภาพจำให้กับพี่น้องประชาชนที่เชื่อในวิธีการทำงานแบบพรรค ก.ก. จึงต้องลงเขต และบอกเบอร์ให้ชัดๆ โดยเราได้ซักซ้อมกับผู้สมัคร ส.ส.เขตว่าเราอยู่เขตไหน และเบอร์อะไร ส่วนที่เหลือจะเป็นการกลับไปหาเสียงแบบปกติ คือการดาวกระจายไปให้ครบทุกพื้นที่ให้ครบทุกเขต และวันนี้ได้เปิดรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งบางคนจะมีวาระการทำงาน แต่สามารถไปได้ทุกเขต เช่น วาระเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จะไปในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องขยะ จึงต้องรีบทำงานและเอาผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อไปเพิ่มพลังให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มากที่สุด

เมื่อถามว่าผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหน้าใหม่จะช่วยลงพื้นที่ให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตด้วยใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ต้องลงหาเสียงให้กับเขตอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่พวกเขาทำเป็นสิ่งที่มีปัญหาในแต่ละพื้นที่และภูมิภาค ตนคิดว่าผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นตัวจริงเสียงจริงในพื้นที่ของเขา เมื่อเขามาที่พรรค ก.ก.เขาไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันมาด้วย ฉะนั้น จึงเห็นชื่อพรรค ก.ก.และชื่อผู้สมัครเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของสื่อมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะลงพื้นที่ไหนเป็นจุดแรก นายพิธากล่าวว่า จากวันนี้จนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม ชั่วโมงต่อชั่วโมงได้วางแผนไว้หมดแล้ว ทั้งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำพรรค และผู้ช่วยหาเสียงพรรค ก.ก.คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ด้วย เมื่อถามถึงกรณีที่พรรค พท.เตรียมจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯคนที่ 3 จะมีผลกับพรรค ก.ก.หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เราพร้อมจะแข่งขันและร่วมมือกัน ขอให้พรรค พท.โชคดีกับการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรค

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อถามถึงการดีเบตของแคนดิเดตนายกฯของแต่ละพรรค โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไม่ขึ้นเวทีดีเบต นายพิธากล่าวว่า ตนอยากจะให้หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯทุกคนมาแสดงวิสัยทัศน์กันในสิ่งที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ฟังและได้รู้สึกว่า ก่อนที่จะไปเลือก และให้คำตอบว่าจะให้น้ำหนักกับพรรคการเมืองใด ก็จะมีคำถามที่จะถามก่อน เพราะการเมืองเป็นเรื่องของสองทาง ถ้าให้ประชาชนตั้งคำถามและต้องมีคำตอบให้ ถ้าไม่มีคำตอบให้ก็ต้องไปหามาว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เป็นสิ่งที่ประสบการณ์ก่อนๆ สอนไม่ได้ เช่น ภาวะโลกร้อน โรคภัยใหม่ๆ ดังนั้น แคนดิเดตนายกฯทุกคนต้องมาร่วมดีเบตกัน รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ