ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แฉปฏิบัติการ “ล้มชูวิทย์” กลุ่มคนกระสันอยากจะล้มมากมาย อัดแต่อย่าให้คนอย่างผมได้ชน ผมล้มทั้งกระดาน เมินคำเตือนให้ระวังตัว
วันที่ 4 เม.ย.2566 หลังเปิดศึก เปิดหน้าชนแฉแหลก ล่าสุด ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงปฏิบัติการ “ล้มชูวิทย์” ระบุว่า ปฏิบัติการ “ล้มชูวิทย์” มีกลุ่มคนที่กระสันอยากจะล้มผมมากมาย วงการที่ผมอยู่มันสีเทา ไม่มีสัจจะในหมู่โจร เมื่อโจรอย่างผมกล้าเปิดปาก คนดีแต่เปลือกที่แทรกอยู่ในหมู่โจรเสียประโยชน์ จึงแง้มหน้ามาแทงหลัง ไม่กล้าปะทะตรงๆ ตามสันดานโจรกระจอก
ทนายโจรเด็กที่เพิ่งเริ่มมีแสงส่องสว่าง แสร้งทำดีมาได้ไม่กี่ปี ก็เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้เห็น หากเป็นกระดานหมากรุกถือว่าเป็นแค่ “เบี้ย” ตัวหนึ่ง ไม่ได้มีไว้รุก แต่มีไว้ให้มหาโจรได้หลอกกิน ในเมื่อเป็นแค่ “เบี้ย” แต่สำคัญตนผิด คิดมาชนกับ “ขุน” ผลจึงพังไม่เป็นท่า กู่ไม่กลับ เดินเกมพลาดไปจนสุดกระดาน ที่คิดว่า “ขุดหลุม” กลับโดนฝังเสียเอง
แรกๆ เห็นการออกมาช่วยเหลือประชาชน ใส่เสื้อยืดตีตรา ดูเหมือนทำเพื่อคนในสังคมที่เดือดร้อน จนกระทั่งวันหนึ่ง ตกผลึกก้าวข้ามจากคนดีมาบังเกิด แปรสภาพเป็น “จิ๊กโก๋” ปากซอยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กัลยาณมิตรในหมู่โจรอดรนทนไม่ไหว บอกผมว่า ทนายเป็นเพียงเด็กที่ยอมเป็น “ม้ารับใช้” ได้ผลตอบแทนแค่เศษเงินจากคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง บุคคลดังกล่าวเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ผมเคยคุยตอนแฉจีนเทา
ร่วมมือกับสื่อเฒ่าสีเทาจัด ที่เสียผลประโยชน์จากการต่อต้านกัญชาเสรีของผม ใช้ทนายเด็กเป็น “เบี้ย” ออกหน้าแทน เริ่มจากการแฉถุงขนม 6 ล้าน ทั้งที่รู้เรื่องราวดีอยู่ว่าผมเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล 2 แห่ง เรียบร้อยแล้ว เปิดเกมรุก แล้วดันตกม้าตาย กลับกลายเป็นเกมถอย พอรู้ว่าชักเสียท่า โดนกระแสตีกลับเพราะตัวเองยังอ่อนหัด จู่ๆ เลี้ยวไปเล่นเรื่องที่ดินของผมแบบยอมพลีชีพ
สันดานเป็นได้แค่ “เด็กใช้งาน” ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมวันยันค่ำ เขียนบทเหมือนสื่อเฒ่าสีเทาที่เสียหน้า เพราะไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ที่มีคนกล้าชนถลกหนังหัว วันนี้ทนายเด็กต้องถูกสังคมตรวจสอบที่มาของเงิน และความหรูหราที่ขาดมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้แต่เพื่อนทนายยังอดรนทนไม่ไหว ออกมาระบายความในใจว่า “เป็นห่วง” ที่แท้แรงหิวโหยแค่แบรนด์เนม โชว์โซเชียลว่าขึ้นชั้น อยากทำผลงานโชว์ผู้ใหญ่ หวังเพียงจะได้โลดแล่นในยุทธจักรสีเทา ร่วมมือกับหุ้นส่วนเจ้าหน้าที่ DSI ตัวเตี้ยๆ อายุประมาณ 50 ปี ชื่อเล่นย่อ “ท.” ที่เพิ่งมีคดีเกี่ยวพันกับบ้านกงสุลแถวสาทร
แต่ในเมื่อกล้าที่จะเปิดศึก ผมก็พร้อมชน ไม่ว่าเด็กไม่ว่าแก่ เมื่อชนมาก็ต้องชนตอบ อยู่ที่ใครจะอึดกว่ากัน หากพลาดครั้งเดียวก็หมายถึงล้มได้ทั้งยืน ผมเคยล้มมาแล้ว 99 ครั้ง หากครั้งนี้ล้มอีกจะเป็นไร? แต่อย่าให้คนอย่างผมได้ชน งานนี้ ไม่มีได้ไม่มีเสีย ผมล้มทั้งกระดาน
นอกจากนั้น ชูวิทย์ ยังเขียนในคอมเมนต์ด้วยว่า ในโลกของสงครามสีเทา งานศพสำคัญกว่าคนตาย ผมจึงไม่ได้สนใจสิ่งที่ผู้คนบอกว่า “ให้ระวังตัว” ผมทำในสิ่งที่อยากทำ และยอมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับผมในสงครามสีเทานี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ดีหรือร้าย อย่าไปคาดหวัง เพราะนี่คือเส้นทางที่ผมเลือกเอง มันทำให้ชีวิตของผมมีรสชาติมากขึ้น เมื่อเดินไปได้ถึงสุดทาง
pongstorn การแฉชูวิทย์.. ทำให้ผมเห็นมารร้ายที่ซ่อนหลังหน้ากากมานานหลายปี
04 เม.ย. 2566 เวลา 16.44 น.
Eed Eed ลุงชูแฉแบบนี้ ทำให้รู้ว่าปลาตัวใหญ่
ใส่หน้ากากคนดีมีมากเหมือนกันค่ะ
04 เม.ย. 2566 เวลา 16.19 น.
ดูทั้งหมด