สรุปกรณีหุ้นสื่อของธนาธร หัวหน้าพรรคสีส้ม จะโดน กกต.แจกใบส้ม จนอดเป็น ส.ส.หรือไม่?

อากาศช่วงนี้ว่าร้อนแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวภายในพรรคสีส้ม-พรรคอนาคตใหม่ กลับร้อนฉ่าไม่แพ้กัน

เพราะมีกระแสข่าวว่า กกต.จะพิจารณาแจกใบส้มกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จากการถือหุ้นสื่อ จนปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์กฎหมายชื่อดังซึ่งเป็นเลขาธิการพรรค ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง พร้อมพาดพิงถึง 'นักร้องเรียน' และ 'สื่อบางสำนัก' อย่างดุเดือด

ธนาธรจึงถูกแจกใบส้ม จนอดได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ไหม และข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคดีหุ้นสื่อ มีอะไรกันแน่ The MATTER จะสรุปให้ฟังอย่างง่ายๆ

1.) คดีหุ้นสื่อ เกิดจากสำนักข่าวอิศรา เปิดประเด็นว่า ธนาธรเพิ่งโอนหุ้นสื่อให้กับมารดา ก่อนเลือกตั้งเพียง 2-3 วัน โดยอาศัยเอกสารแจ้งเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นบริษัทสื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งเดิมธนาธรเคยถือหุ้น แต่ภายหลังไม่มี วันที่ในเอกสารคือ 21 มี.ค.

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญ 98(3) ว่าห้ามผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นในบริษัทสืิ่อ

2.) บริษัทสื่อที่ถูกพาดพิงถึง คือบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตนิตยสารเซเลบริตี้ WHO? ที่วางแผงฉบับสุดท้ายไปเมื่อปลายปี 2559 หลังขายมา 8 ปีเต็ม

3.) เวลาต่อมา ก็มีผู้แย้งสำนักข่าวอิศราว่า เอกสารที่นำมาแสดงเป็น บอจ.5 ที่บริษัท วี-ลัคฯ ใช้ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น ซึ่งตามกฎหมายให้แจ้งเพียงปีละครั้ง (คือโอนไปโอนมา ปีละสิบๆ ครั้งก็ได้ แต่แจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเพียงครั้งเดียว) ไม่ใช่ใบตราสารโอนหุ้น

ขณะที่ธนาธรก็โชว์ใบตราสารโอนหุ้นในเพจส่วนตัวว่า เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. ก่อนไปสมัคร ส.ส. ช่วงต้นเดือน ก.พ.

4.) แต่สำนักข่าวอิศราก็ตั้งข้อสังเกตต่อมาว่า หากธนาธรโอนหุ้นจริงตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. แล้วเหตุใดในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 19 มี.ค. ถึงมีจำนวนผู้ถือหุ้นของบริษัท วี-ลัคฯ เท่าเดิม คือ 10 คน ไม่ได้ลดลงเหลือ 5 คน ตามที่ปรากฎในเอกสาร บอจ.5

และเมื่อค้นข่าวย้อนหลัง วันที่ 8 ม.ค. พบว่าธนาธรไปหาเสียงอยู่ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ไม่น่าจะกลับมาทำเรื่องโอนหุ้นให้บุคคลอื่นๆ ได้ทัน

5.) ธนาธรชึ้แจงในเวลาต่อมาว่า วันที่ 19 มี.ค. ตนไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่หาเสียงที่ จ.กระบี่และสุราษฎร์ธานี ถ้าตนยังถือหุ้นจริง คงประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้

6.) นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังชี้แจงการโอนหุ้นของเขาและภรรยาไปให้กับมารดา โดยเขาได้โอนไปให้มารดาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. แต่ต่อมามารดาก็โอนไปให้หลาน 2 คน ก่อนที่หลาน 2 คนและบุคคลอื่นๆ อีก 3 คนจะร่วมกันโอนหุ้นคือให้มารดา จนทำให้ผู้ถือหุ้น 10 คน เหลือเพียง 5 คน ตามที่ปรากฎใน บอจ.5

7.) เมื่อมีประเด็นข้อกฎหมายน่าสนใจชวนให้ตั้งคำถามเช่นนี้ นักร้องเรียนผู้โดดเด่น ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงขยับตัว ไปยื่นคำร้องให้ กกต.เข้ามาตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของธนาธรทันที

8.) หลังพ้นเทศกาลสงกรานต์ และมีข่าวว่า กกต.จะพิจารณาคดีถือหุ้นของธนาธร ปิยบุตร ในฐานะทีมกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่ ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อสงสัยกรณีนี้ ที่ยังไม่เคลียร์ในหลายจุด

- กรณีวันที่ 8 ม.ค. ธนาธรยังอยู่ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ แล้วมาทำเรื่องโอนหุ้นที่ กทม.ได้อย่างไร > ปิยบุตรโชว์หลักฐานการใช้บัตรทางด่วน easy pass เพื่อเดินทางกลับ กทม. ของธนาธร ในช่วงบ่ายวันที่ 8 ม.ค. และอ้างว่าในคลิปบันทึกกิจกรรมวันดังกล่าว ธนาธรพูดไว้ว่า จะขอกลับก่อนไปทำธุรกิจที่ กทม.

- กรณีทำไมต้องโอนหุ้นสลับไปๆ มาๆ ระหว่างมารดากับหลาน 2 คน > ปิยบุตรชี้แจงว่า มารดาของธนาธร ต้องการให้หลานที่มีชื่อว่า ทวีกับปิติ เข้ามาเคลียร์หนี้คงค้างของบริษัท วี-ลัคฯ กับคู่ค้า มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท แต่พบว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้เสีย หลานทั้ง 2 คนจึงโอนหุ้นกลับมาให้มารดาของธนาธร

9.) มีผู้ตั้งข้อสังเกตจากหลักฐานการใข้บัตรทางด่วน easypass ที่ปิยบุตรนำมาแสดงว่า การนั่งรถยนต์จาก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มายัง กทม. ระยะทาง 400 กิโลเมตรเศษ จะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษได้หรือจริงหรือ เพราะจากการใช้โปรแกรม Google Maps คำนวณ พบว่าน่าจะใช้เวลา 5 ชั่วโมงเศษ

นอกจากนี้ ยังสงสัยว่า ชื่อของผู้ใช้บัตรทางด่วน easy pass ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นชื่อธนาธร

(เพิ่มเติม) แต่ก็มีการแชร์คลิปการไปหาเสียงวันเดียวกล่าวของธนาธรในหมู่ผู้สนับสนุน พร้อมยืนยันว่าเจ้าตัวเดินทางกลับตั้งแต่ช่วงสาย มีเวลาถึง กทม.ในช่วงบ่าย สบายๆ

10.) ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีข่าวลือหนาหูว่า กกต.อาจให้ 'ใบส้ม' กับธนาธร ซึ่งจะทำให้เขาไม่ได้เป็น ส.ส. และตัดสิทธิการลงรับสมัคร ส.ส.ถึง 1 ปีเต็มๆ

11.) ปิยบุตรจึงตั้งโต๊ะแถลงข่าวในวันนี้อีกครั้ง โดยชี้แจงว่า ในทางข้อกฎหมาย การ 'ตรวจสอบคุณสมบัติ' ของผู้สมัคร ส.ส.มันจบไปแล้วตั้งแต่วันเลือกตั้ง หาก กกต.ต้องการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.ของธนาธร จะต้องรับรองให้เป็น ส.ส.ก่อน และส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ส่วนการพิจารณาว่าจะให้ใบส้มหรือไม่ ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 132 จะใช้ได้ในกรณี 'ทุจริตการเลือกตั้ง' เท่านั้น ถามว่า กรณีหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ เป็นเรื่องของคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. จะเกี่ยวข้องอย่างไรกับการทุจริตการเลือกตั้ง

12.) ปิยบุตรยังบอกว่า แต่ถ้า กกต.จะเดินหน้าตรวจสอบว่าธนาธรทุจริตการเลือกตั้ง ตามระเบียบของ กกต.ที่ว่าด้วยการไต่สวน ต้องเปิดให้เจ้าตัวได้มีโอกาสชี้แจง อันนี้เป็นภาคบังคับ ซึ่งที่ผ่านมา กกต.ไม่เคยเปิดโอกาสให้ธนาธรหรือทีมกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่ได้ชี้แจงเลย

13.) เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังยืนยันว่า จากพยานหลักฐานที่มี จะสามารถชี้แจงได้ เพราะการโอนหุ้นเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.แล้ว

เขายังบอกด้วยว่า จะเปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย แต่หากสื่อสำนักไหนยังคาใจอยู่ สามารถเข้ามาพูดคุยกับตนได้

14.) เป็นมหากาพย์คดีหุ้นสื่อของธนาธร ที่ยังต้องจับตากันต่อไปว่าจะลงเอยในลักษณะใด

อ้างอิงจาก

https://thematter.co/pulse/v-luck-thanathorn/74458

https://www.facebook.com/FWPthailand/videos/2297957017121925/

https://drive.google.com/file/d/1nt6JXkPZWdO57Cdo1ol2lnUP5rl_9ssv

https://www.isranews.org/isranews/75841-thanathorn01.html

https://www.facebook.com/Future-News-443377419531500

#Recap #หุ้นสื่อธนาธร #TheMATTER