การประกาศสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีน ไม่ว่าจะมาจากเหตุใด แต่ผลกระทบย่อมเกิดขึ้นในวงกว้าง หลังจากโลกเปิดการค้าเสรีมายาวนานหลายสิบปี ก็ต้องมาสะดุดลงจากยุคสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้ง ๆที่ สหรัฐมีบทบาทเป็นตัวตั้งตัวตีระบบการค้าเสรี
ขณะนี้มีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกิดขึ้นจริงและจะเกิดขึ้นในอนาคต บทความเรื่อง"สงครามการค้าครั้งใหม่: ใครได้ ใครเสีย?" โดยนายสุพริศร์ สุวรรณิก ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมุมมองน่าสนใจ ดังนี้
ย่างเข้ารุ่งอรุณของวันศุกร์ที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา การปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. (ประมาณกว่า 6.3 ล้านล้านบาท) จากเดิม 10% เพิ่มเป็น 25% ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวิตข้อความขู่ไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ได้เริ่มมีผลบังคับใช้จริง เพราะเห็นว่าการเจรจาไม่คืบหน้าเท่าที่ควร นับเป็นการจุดชนวนให้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้าดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน บางขุนพรหมชวนคิดวันนี้จึงอยากชวนท่านผู้อ่านมาวิเคราะห์กันว่า สงครามครั้งนี้ใครจะได้ ใครจะเสีย?
ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า สินค้าจีนที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งหมด 5,745 รายการ หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของมูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีน โดยเป็นกลุ่มสินค้าเดียวกันกับที่โดนภาษีนำเข้าที่ 10% ไปแล้ว คือมีทั้ง 1) กลุ่มสินค้าทุน (capital goods) เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2) สินค้าขั้นกลาง (intermediate goods คือ สินค้าที่นำไปผลิตต่อ) เช่น ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และรถยนต์ และ 3) สินค้าขั้นสุดท้าย (final goods คือ สินค้าที่นำไปอุปโภคบริโภค) เช่น เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย… แต่แค่นี้ยังไม่พอ! สหรัฐฯ ยังกำหนดรายชื่อสินค้าเพื่อเตรียมการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในส่วนที่เหลืออีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. (ประมาณกว่า 9.5 ล้านล้านบาท) ครอบคลุม 3,805 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าทุนและสินค้าขั้นสุดท้าย
เห็นอย่างนี้แล้ว ถามว่าใครจะเสียประโยชน์จากการขึ้นอัตราภาษีบ้าง นักวิเคราะห์หลายสำนักชี้ให้เห็นว่า ผู้เสียประโยชน์กลับกลายเป็นประชาชนชาวอเมริกันและธุรกิจในสหรัฐฯ เสียเอง เนื่องจากชาวอเมริกันต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าขั้นสุดท้ายที่จำเป็นสำหรับอุปโภคบริโภค ขณะที่ธุรกิจต้องแบกรับต้นทุนจากสินค้าทุนและสินค้าขั้นกลาง โดยยังไม่สามารถหาตลาดอื่นทดแทนจีนได้ทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้น ส่วนหนึ่งเพราะผู้ส่งออกจีนไม่ได้ปรับลดราคาสินค้าลง ต่างจากที่นายทรัมป์ ได้เคยกล่าวมาตลอดว่า จีนจะต้องจ่ายและแบกรับภาษีดังกล่าว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางสำนักเห็นว่า หากมองในระยะยาว ธุรกิจจีนย่อมได้รับความเสียหายเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะเมื่อถึงเวลานั้น สหรัฐฯ อาจสามารถนำเข้าสินค้าจากตลาดอื่นทดแทนสินค้าจีนได้มากขึ้น
ทางด้านจีนตอบโต้สหรัฐฯ กลับอย่างทันควัน ด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท) ครอบคลุมสินค้า 5,142 รายการ โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. 2019 และสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทุนและสินค้าขั้นกลาง ซึ่งอาจลดผลกระทบต่อผู้บริโภคในจีนได้บ้างเพราะมีสินค้าขั้นสุดท้ายเป็นส่วนน้อย
แต่แน่นอนว่า สงครามครั้งนี้จะส่งผลลบต่อทั้งสองฝ่าย และยังจะขยายผลต่อไปสู่การค้าโลก การชะลอลงของเศรษฐกิจโลก และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่แย่ลง
เมื่อหันกลับมามองไทย ถามว่าไทยได้หรือเสียประโยชน์? โดยเบื้องต้นประเมินว่า ไทยอาจเสียมากกว่าได้ประโยชน์ คล้ายกับประเทศอื่นๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศสูง กล่าวคือ จะเสียประโยชน์จากการส่งออกที่ชะลอลงตามการชะลอของเศรษฐกิจโลก และผลของ supply chain effect โดยรวม เพราะไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตที่ส่งไปจีน
แม้ว่าไทยอาจได้ประโยชน์จากการส่งออกทดแทนในสหรัฐฯ และจีน (trade diversion) เช่น สหรัฐฯ โยกคำสั่งนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากไทยมากขึ้น และไทยอาจได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีน (investment diversion) มายังไทยเพื่อเลี่ยงมาตรการภาษี
แต่อย่าลืมว่า ยังมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่พร้อมจะแข่งขันกับไทยเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากจีนด้วย เช่น เวียดนาม จึงไม่ควรนิ่งนอนใจในประโยชน์ที่จะได้รับมากนัก
ซุนวูเคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีชาติใดที่จักได้รับผลประโยชน์จากการทำสงครามระยะยาว”…เพราะขึ้นชื่อว่าสงครามแล้ว ย่อมไม่เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใดทั้งสิ้น!
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ถวัลย์ ศิริสงค์ รุ่น23 บอกได้เลยว่าจีนจะเละเป็นโจ๊ก ระยะยาว อเมริกามันเตรียมการมานานแล้ว ที่จะเล่นจีน ถ้ามันไม่พร้อม มันไม่กล้าหรอก มันพร้อมแล้ว เชื่อชิ
21 พ.ค. 2562 เวลา 14.56 น.
ทองคำ ทรัม เตรียมตกม้าตาย
21 พ.ค. 2562 เวลา 12.50 น.
Goz Goz สินค้าบ้านมันแพง เดี๋ยวมันก็พิมพ์ธนบัตรเพิ่มไปเรื่อยๆ มีดีอยู่แล้วหนิ ไม่ต้องใช้ทองค้ำเหมือนประเทศอื่นๆเค้า
21 พ.ค. 2562 เวลา 12.13 น.
สงครามโลกไม่ต้องใช้อาวุธครั้งที่3มีจริง และเกิดขึ้นแล้ว
21 พ.ค. 2562 เวลา 11.58 น.
Jinny โลกเริ่มมีอาการส่อแวววิปริตเข้าไปทุกที เพราะได้คนเช่นนี้ปกครองประเทศ
21 พ.ค. 2562 เวลา 11.22 น.
ดูทั้งหมด