20 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1940/2556 ที่ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีต อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , บริษัท มติชน จก.
อ่านข่าวเปิดคำพิพากษา"ธาริต - พงส.DSI"พ้นผิด ม.157
นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บก.นสพ.มติชน , บริษัท ช่าวสด จก. และนายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาณ บก.นสพ.ข่าวสด เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328
จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค.56 นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวหาโจทก์ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงสัญญาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง จากประมูลรายภาครวมเป็นรายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธคดี
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.61 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-5 เนื่องจากนายธาริต จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ย่อมมีอำนาจแถลงข่าวการตั้งข้อสงสัยเเละเชิงตรวจสอบแก่สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เเละเป็นการให้ข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ส่วนจำเลยที่ 2-5 เป็นสื่อมวลชน ก็ได้เสนอข้อเท็จจริงตามที่ นายธาริต จำเลยที่ 1 เเถลงข่าวจึงเป็นการกระทำโดยสุจริต ติชมเพื่อความเป็นธรรม ตามที่วิสัยวิญญูชนพึงกระทำ ต่อมา "นายสุเทพ" ยื่นอุทธรณ์
ขณะที่วันนี้ "นายธาริต" อธ.ดีเอสไอ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2-5 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ก็เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายโจทก์ ไม่ได้เดินทางมาศาล
สำหรับคดี "ศาลอุทธรณ์" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว ที่โจทก์นำสืบและอุทธรณ์ทำนองว่า"นายธาริต"จำเลยที่ 1 แถลงและรีบให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนมีจำเลยที่ 2 , 4 อยู่ด้วยว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนมติ ครม.เกี่ยวกับการประมูลจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมาตรา 157 และกฎหมายอื่น โดยจำเลยที่ 2 ,4 นำข้อความแถลงหรือให้สัมภาษณ์ไปลงพิมพใน นสพ.มติชนรายวันและข่าวสดรายวัน
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น ผู้กระทำผิดจะต้องมีเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรก และข้อความที่เป็นหมิ่นประมาทที่ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่3 จะต้องเป็นข้อความที่ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง และผู้กระทำนั้นจะต้องไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 329 (1)(2)(3)(4)
เมื่อคดีนี้ได้ความจากคำเบิกความของพยานว่า ดีเอสไอมีคำสั่งตั้งหัวหน้าคณะสืบสวนเกี่ยวกับข้อร้องเรียนโจทก์โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งที่กระทำขัดต่อมติ ครม. ก็ได้ทำการสืบสวนไปตามอำนาจหน้าที่ ส่วนการให้ข่าวหรือสัมภาษณ์เป็นอำนาจของ นายธาริต จำเลยที่ 1 อธ.ดีเอสไอ ขณะน้้น โดยจะมีคณะทำงานเป็นผู้ให้ข้อมูลต่าง ๆ แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งจะสรุปประเด็นข้อเท็จจริงที่สำคัญพร้อมรายละเอียด และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ตรวจสอบพบ โดยเป็นดุลพินิจของจำเลยที่ 1 ว่าจะแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์มากน้อยเพียงใด
จากข้อเท็จจริงนั้น จะเห็นได้ว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ในฐานะอธ.ดีเอสไอ มีอำนาจจะแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ เกี่ยวกับคดีความที่อยู่ระหว่างทำการสืบสวนสอบสวนให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบว่าคดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนใด ข้อเท็จจริงจากการศึกสวนสอบสวนได้ความว่าอย่างไร มีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง และจากข่าวที่ปรากฏล้วนแต่เป็นการแสดงให้ความเห็นเป็นไปของข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอได้มาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เป็นการแสดงความเห็นของจำเลยที่ 1 ประกอบเอกสารที่กระทำในฐานะ อธ.ดีเอสไอ จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการสืบสวนถึงการกระทำของโจทก์ว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง ส่วนรายละเอียดของคดีในสำนวนจะเป็นอย่างไรก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์เข้าไปในรายละเอียดของสำนวนอันเป็นดุลพินิจของจำเลยที่ 1 ที่จะพึงพิจารณาว่าจะให้ข้อเท็จจริงได้เพียงใดที่จะไม่กระทบต่อรูปคดีที่จะเกิดความเสียหายคดี
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่หวังผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็เป็นการกล่าวอ้างลอยลอยไม่มีพยานหลักฐานใดมาสืบยืนยันให้เห็นเจตนาที่แท้ของจำเลยที่ 1 ที่แถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งด้วยหวังผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อีกทั้งโจทก์ไม่ได้ดำเนินการใดเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ดำเนินการกับจำเลยที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นทางวินัยหรือทางอาญาฐานเป็นข้าราชการที่ไม่วางตัวเป็นกลางทางการเมือง
จึงเป็นความเข้าใจโจทก์แต่เพียงฝ่ายเดียวว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 มีเจตนาหวังผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็เป็นไปได้ ดังนั้นการแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 เชื่อว่าเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ที่ตนมี ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 1-5 จึงเป็นการกระทำไปโดยสุจริตในกรอบของกฎหมาย เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (2)(3) จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนให้ยกฟ้อง
เอาไอ้เทพหน้าดำติกคุกคดีโรงพักให้ดูด้วยสิใครกล้าทำบ้างให้มันตายในคุกเลย
20 ก.พ. 2563 เวลา 08.06 น.
ลุงกำนันคงจะติดคุกคดีโรงพักนี่แหละมั้ง ไม่ใช่คดี กปปส. หรอก
เชื่อชูวิทย์ 🤣🤣🤣🤣🤣
20 ก.พ. 2563 เวลา 07.47 น.
อิมมี่ งามเลิศ นายธาริตจิ้งจกเปลียนสีได้ทุกเมื่อ
20 ก.พ. 2563 เวลา 07.39 น.
nipat313 จากที่ดู comment ในนี้เห็นชัด ว่าการกระทำของธาริด ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และทำให้เกิดความเสียให้กับ สุเทพ ชัดเจน ไม่เชื่อดูใน comment ใน topic ของข่าวนี้ซิครับ
20 ก.พ. 2563 เวลา 07.39 น.
แสนดี ติดคุกฟรี ประเทศนี้แปลก คดีบางคดี ยังไม่ตัดสินติดคุกก่อน
20 ก.พ. 2563 เวลา 07.35 น.
ดูทั้งหมด