คีย์สำคัญในการจัดกุมตัว "ผอ.โรงเรียน" ผู้รรับบทโจรปล้นทองลพบุรี คือผลทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ใช้ DNA จาก "เหงื่อ" ตรวจสอบเพื่อยืนยันรายละเอียดการพิสูจน์บุคคล ชี้สามารถบ่งบอกคุณลักษณะแต่ละบุคคล เพศ และอายุได้อีกด้วย
นอกจากพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่บ่งบอกสรีระ ชุดที่ใส่ และพฤติกรรม อีกสิ่งสำคัญคือหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บตัวอย่างที่อยู่ในตู้กระจกที่เกิดเหตุ ซึ่งแน่นอนว่าจะใช้เทียบเคียงกับของ "ผอ.โรงเรียน" เพื่อมัดตัว และนำไปสู่การคลี่คลายคดีสะเทือนขวัญโจรปล้นทอง - ฆ่า 3 ศพ ร้านทองในห้างลพบุรี
จากบทความ “เหงื่อ หลักฐานใหม่ในการพิสูจน์บุคคล” โดย พรรณพร กะตะจิตต์ ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ “ศูนย์เรียนรู้ดิจิทัลระดับชาติด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี สสวท.” ได้ให้ข้อมูลไว้เกี่ยวกับการใช้ “เหงื่อ” มาเป็นเครื่องมือพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลในคดีอาชญากรรมว่า เพิ่งถูกนำมาใช้ไม่นานมานี้ หลังจากใช้รอยนิ้วมือกันมานานกว่าศตวรรษ
ทุกตารางเซนติเมตรของผิวหนังมีต่อมเหงื่อ 100 ต่อมต่อตารางเซนติเมตรหรือประมาณ 650 ตารางนิ้ว ซึ่งไม่ว่าจะเกิดเหงื่อด้วยเหตุผลของอากาศร้อนหรือความวิตกกังวลอื่นใด ผู้คนมักจะทิ้งเหงื่อไว้บนสิ่งที่พวกเขาสัมผัสแตะต้อง ดังนั้นการหลั่งเหงื่อแต่ละครั้งจึงมีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์บุคคลเช่นเดียวกับลายนิ้วมือ โดย เหงื่อ เป็นของเหลวทางชีวภาพที่เกิดขึ้นบนผิวของมนุษย์ ประกอบด้วยลำดับของ "กรดอะมิโน" และ "สารเมตาบอไลท์" (Metabolite) ซึ่งความเข้มข้นของเหงื่อในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป และนั่นทำให้ตัวอย่างเหงื่อมีลักษณะที่ค่อนข้างเฉพาะตัว
อย่างไรก็ดีนักเคมีวิเคราะห์อธิบายว่า มี สารเมตาบอไลท์ 3 ชนิดที่สามารถใช้เพื่อระบุลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล ได้แก่ ยูเรีย(Urea) แลคเทต (Lactate) และกลูตาเมต (Glutamate) ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละคน
ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเก็บตัวอย่างเหงื่อบริเวณท่อนแขนของอาสาสมัคร 25 ตัวอย่าง ทดลองเปรียบเทียบกับตัวอย่างที่สังเคราะห์ขึ้น 25 ตัวอย่าง ปรากฏว่า การทดลองสามารถแยกแยะความแตกต่างของแต่ละตัวอย่างได้ตามความเข้มข้นของเมตาบอไลท์ โดยใช้เวลาสั้นๆ เพียง 30-40 วินาทีในการวิเคราะห์เท่านั้น
การวิเคราะห์เมตาบอไลท์จากเหงื่อจะสามารถช่วยลดขั้นตอนหรือปัญหา ในกรณีไม่มีหลักฐานดีเอ็นเอเพียงพอต่อการวิเคราะห์ หรืออาจต้องใช้ระยะเวลานานในการรอผลทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งอาจส่งผลให้การจับกุมหรือระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ไม่ทันการณ์ แต่จากการตรวจหาดีเอ็นเอด้วยเหงื่อนั้นสามารถทำได้ในระยะเวลารวดเร็ว
อย่างไรก็ดี แม้จะตรวจได้รวดเร็ว แต่บทความดังกล่าวได้ระบุเพิ่มเติมถึงข้อจำกัดเรื่อง "ความเข้มข้นของเมตาบอไลท์" ที่ยังไม่อาจสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของยีนที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละบุคคลได้เท่ากับลายนิ้วมือ เนื่องด้วยปัจจัยในเรื่องการรับประทานอาหาร สุขภาพ และการออกกำลังกายที่ทำให้ให้สารเมตาบอไลท์เปลี่ยนแปลงไปได้
ดังนั้นการเก็บข้อมูลและติดตามความเปลี่ยนแปลงของเหงื่อของแต่ละบุคคลจึงถือเป็น "ขั้นตอนที่เพิ่มเข้ามา" ในการพิสูจน์หลักฐาน โดยอย่างน้อยๆ "เหงื่อ" ก็สามารถระบุ "เพศ" และ "อายุ" ได้โดยประมาณ!
Cr. bangkokbiznews
NUI DNA เป็นสิ่งที่ นิติวิทยาศาสตร์ใช้ในดารระบุตัวตนที่เชื่อถือได้
คนที่เม้น ออกแนวสงสัย พวกแพะๆ หรือ คิดว่าหลักฐานนี้ใช้ไม่ได้ ลองหาหนังสือ หนัง สารคดี ซีรีส์จีน เกาหลี ญี่ปุ่น usa แล้วแต่จะหาได้เลยมาดูนะ แหล่งความรู้มีเยอะมาก
อ้อในline ที่เปิดอยู่ก็มี อย่าเปิดเม้นเฉยๆ
22 ม.ค. 2563 เวลา 13.11 น.
ในกรณีนี้เค้าใส่เสื้อผ้ามิดชิด..ล่ะไปเก้บเหงื่อจากที่ไหนเหรอ..อยากรุ้
22 ม.ค. 2563 เวลา 14.39 น.
darkness จริงเหรอ ?
22 ม.ค. 2563 เวลา 12.29 น.
ดูทั้งหมด