"ตกใจค่ะ ตกใจมาก ไม่คิดว่าพ่อเราที่รับราชการเป็นตำรวจอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มานาน และเป็นคนพื้นเพจังหวัดปัตตานี ซึ่งใช้ชีวิตปกติมีความสุขกับการทำงานมาตลอด วันนึงต้องมาถูกโจรใต้ซุ่มยิงกระหน่ำใส่ ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์จากสถานีตำรวจ สภ.บ้านโสร่ง เพื่อกลับบ้านพักในจังหวัดยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อติดกัน กระหน่ำสาดกระสุนเข้าใส่พ่อที่บริเวณลำคอ 3 นัด รวมถึงแผ่นหลัง จนต้องหามเข้าไอซียูโรงพยาบาลในจังหวัดยะลา ก่อนจะย้ายมากรุงเทพฯ และรักษาตัวในห้องไอซียูโรงพยาบาลศิริราชอีก 1 ปีเต็ม"
…เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของ ร.ต.ท.หญิง ศุภานัน ภพตระกูล รองสารวัตรกลุ่มงานระบบวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บุตรสาวของ ดาบตำรวจสุภัทร ภพตระกูล ผบ.หมู่ งานสืบสวนสอบสวน สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกโจรใต้ลอบยิงเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2547 ระยะเวลายาวนานร่วม 15 ปี ที่ครอบครัวของ "ดาบตำรวจสุภัทร" ต้องเฝ้าดูแลร่างกายที่ป่วยทุพพลภาพ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ภายหลังรอดปาฏิหาริย์จากการถูกยิงในครั้งนั้น ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ เปิดใจสัมภาษณ์ความรู้สึกทายาทตำรวจที่ตกเป็นเหยื่อโจรใต้ ซึ่งปัจจุบันได้สอบเข้ารับราชการตำรวจตามสิทธิ์ที่พึงได้
- ย้อนนาทีลอบยิง ผ่านมา 15 ปี ไม่มีวันลืม -
"ปี 2547 หนูเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี ที่กรุงเทพฯ พี่สาวทำงานแล้ว ส่วนน้องชายอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่จังหวัดยะลา หนูได้รับข่าวจากที่บ้านว่าพ่อถูกยิง ส่วนพี่สาวดูข่าวในทีวี ขณะนั้นโซเชียลมีเดียยังเข้าไม่ถึง การติดต่อสื่อสารยากกว่าสมัยนี้ หนูกับพี่สาวรู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก จึงรีบกลับมาดูใจพ่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดยะลา พ่ออาการโคม่าต้องเข้าไอซียู เป็นตายเท่ากัน เพราะกระสุนของคนร้ายยิงเข้าจุดสำคัญในร่างกาย คุณพ่อรักษาตัวที่ยะลาได้เพียง 2-3 วัน ก็ต้องย้ายมารักษาในไอซียูโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครคาดคิด ระหว่างที่คุณพ่อออกเวรและกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน (บ้านเราไม่มีรถยนต์) จากโรงพักซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักรอข้างทาง ก่อนจะลอบยิงจนคุณพ่อบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคุณพ่อ และย้อนไป 15 ปีก่อน ถือเป็นช่วงที่เหตุการณ์เพิ่งเริ่มรุนแรง และมีการลอบฆ่าเจ้าหน้าที่เสียชีวิตไปบ้างแล้ว แต่ด้วยความที่คุณพ่อ มีวิถีชีวิตที่คุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี รับราชการตำรวจใน 3 จังหวัดมาตลอด ที่สำคัญ พ่อเป็นชาวจังหวัดปัตตานี ครอบครัวเราจึงไม่อยากจะเชื่อว่าคุณพ่อจะกลายเป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายที่โดนลอบฆ่า
- คุณแม่ขายไก่ย่างส้มตำรถเข็น สร้างครอบครัวกับคุณพ่อที่จังหวัดยะลา -
หนูเกิดและโตที่ยะลา พี่สาวกับน้องชายก็เช่นกัน กระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมที่นั่น ก็ขึ้นมาเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ ส่วนคุณแม่เป็นแม่ค้าขายส้มตำไก่ย่างรถเข็น คุณพ่อรับราชการตำรวจชั้นประทวน ย้ายไปมาอยู่ระหว่าง 3 จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส แต่บ้านเราเช่าเค้าอยู่ในจังหวัดยะลา ครอบครัวเรายังต้องหาเช้ากินค่ำ เงินที่ได้มาต้องส่งเสียให้หนูและพี่น้องเรียน ถึงแม้ว่าพ่อจะรับราชการมานาน ก็ไม่ได้มีเงินมากมายจนสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้
จังหวัดยะลาน่าอยู่มาก เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ อากาศก็ดี หนูอยู่มาตั้งแต่เกิด และไม่คิดว่าจะมีสถานการณ์ความไม่สงบทวีความรุนแรงจนส่งกระทบมาถึงครอบครัวเรา เมื่อคุณพ่อถูกโจรใต้ลอบยิงต้นปี 2547 ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที เราต้องยอมทิ้งบ้านเกิดที่เรารัก ทิ้งสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาแต่เด็ก พากันขนย้ายครอบครัวมาอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะพ่อต้องมานอนรักษาตัวในห้องไอซียูที่ศิริราชนานนับปี แล้วมาหาบ้านเช่าในกรุงเทพฯ โดยที่ไม่ได้กลับไปจังหวัดยะลาอีกเลย
- คุณแม่เลิกขายส้มตำ น้องชายจบแค่ ม.3 ออกมาดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง -
ตอนปี 2547 หนูก็พยายามจะหางานทำให้เร็วที่สุด เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือจุนเจือที่บ้าน ตอนนั้นไปสมัครเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ ได้เงินเดือน เดือนละ 6,000-7,000 บาท ส่วนพี่สาวเป็นพยาบาลที่ศิริราช คุณแม่กับน้องชายต้องอยู่ดูแลพ่อ ช่วงปีแรกที่พ่อนอนไอซียู พวกเราต้องไปรอเยี่ยมเพราะหมอไม่ให้เฝ้า ต้องเข้าเยี่ยมเป็นเวลา ซึ่งครอบครัวเราก็พากันไปให้กำลังใจคุณพ่อตลอดทั้งปี แล้วก็เช่าบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ
หลังจาก 1 ปี เราพาคุณพ่อกลับมาอยู่บ้านด้วย โดยมีน้องชายกับคุณแม่ที่ต้องคอยช่วยอุ้ม ผยุงตัวพ่อเวลาไปหาหมอ และดูแลอาการระหว่างอยู่ที่บ้าน หมอนัดตรวจก็พากันไป หนูกับพี่สาวก็ไปทำงานหาเงิน ตอนนั้นหนูเองยังไม่ทราบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสวัสดิการให้ลูกตำรวจที่ป่วยทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ สามารถสอบเข้าเป็นตำรวจได้ หนูคิดว่าต้องเสียชีวิตในหน้าที่เพียงอย่างเดียว เมื่อทราบเรื่องจึงไปลองสอบดู สุดท้ายก็สอบเข้ารับราชการได้
*- สวัสดิการตำรวจ เงินบำนาญ เลี้ยงดูชีวิตคุณพ่อ - *
คุณพ่อได้รับเงินบำนาญทวีคูณ ตรงส่วนนี้ก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายซึ่งค่อนข้างสูง ยิ่งการดำรงชีวิตในกรุงเทพฯ ด้วยแล้ว เงินสวัสดิการตรงนี้จึงมีส่วนสำคัญกับครอบครัวเรามาก ถามว่าเพียงพอมั้ย ไม่เพียงพอค่ะ แต่ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ พี่สาวกับหนูเองก็ช่วยกันทำงานนำเงินมาจุนเจือดูแลที่บ้านอีกทางนึง รวมถึงเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิทหารผ่านศึกเดือนละ 1 หมื่นกว่าบาท
"ก่อนหน้านี้เราไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง กระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่สาวตัดสินใจเก็บเงินซื้อบ้านทาวน์โฮมอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว ไม่ต้องไปเช่าเค้าเหมือนเมื่อก่อน เพราะค่าเช่าเมื่อคำนวณดูแล้วก็พอๆ กับค่าผ่อนบ้าน ตอนนี้อาการพ่อก็ทรงตัวค่ะ เพราะหลายปีผ่านไปแล้ว แค่ไปตรวจตามที่หมอนัดเท่านั้น"
- หน่วยงานรัฐฯ เข้ามาดูแลตามสิทธิ์ -
ช่วงเกิดเหตุแรกๆ ก็มีนะคะ มาเยี่ยมกันบ้างตามสมควร แต่พอพ่อดีขึ้นก็อาจจะมาบ้าง2 ปี ครั้ง ขณะที่ พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก.กองปราบ และครอบครัวจะนำเงินมาช่วยเหลือปีละครั้ง อีกทั้งได้รับการแนะนำเรื่องการสอบเข้าบรรจุเป็นตำรวจ จนหนูสามารถสอบเข้ารับราชการได้จนทุกวันนี้ค่ะ
"ถ้าถามว่าคุ้มค่ามั้ยกับการสละร่างกายลงไปทำงานอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อบ้านเมือง เอาจริงๆ คือคุณพ่อต้องพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต มันก็ไม่น่าจะคุ้มสำหรับครอบครัวเล็กๆ อย่างเราที่ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อรักษาให้พ่อมีลมหายใจอยู่ต่อไปกับเรานานๆ แต่ลึกๆ ก็คิดว่ามันคือความเสียสละ ถ้าพ่อเราไม่ทำงานอยู่ใน 3 จังหวัด แล้วใครจะทำ ถ้าตำรวจทุกคนรักสบาย อยากไปอยู่ในตำแหน่งที่สบายๆ กันหมด แล้วใครจะดูแลช่วยเหลือประเทศชาติ คุ้มครองพี่น้องใน 3 จังหวัด เมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องใช้ชีวิตดำเนินต่อไป โชคดีแค่ไหนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่กับเรา"
- เคยคิดว่าทำไมรัฐบาลไม่ปราบปรามเรื่องนี้ให้เด็ดขาด -
มันเจ็บปวดนะ ที่ต้องเห็นทหาร ตำรวจ มาเสียชีวิตเรื่อยๆ จากน้ำมือของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ เพราะคุณพ่อเราก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ต้องรับชะตากรรมนั้น เพียงแค่โชคดีที่ว่าพ่อเราไม่เสียชีวิต พ่อยังอยู่กับเรา ในขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งมันเจ็บปวดมากๆ เคยคิดว่าทำไมรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ทำอะไรให้เด็ดขาด หาทางแก้ไขให้ทุกอย่างมันจบสิ้นไป แต่พอมานั่งทบทวน ก็เชื่อได้ว่าเค้าคงพยายามจนสุดความสามารถแล้ว และไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสียแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ
- คุณพ่อติดตามข่าวตลอด รู้สึกสลดใจ ที่เห็นเพื่อนๆค่อยๆ เสียชีวิตไปทีละคน -
ทุกวันนี้ทราบข่าวคราวจากในทีวี ซึ่งคุณพ่อก็ติดตามสถานการณ์ตลอด และจำเพื่อนๆ ของเค้าได้ เวลามีการฆ่ากัน แล้วปรากฏชื่อเป็นเพื่อนของเค้า เค้าก็จะบอก ซึ่งทราบว่าค่อยๆ เสียชีวิตไปทีละคน สร้างความสลดหดหู่ใจ เพราะผ่านมา 10 กว่าปีผ่านไป เหมือนทุกอย่างยังไม่ดีขึ้นเลย ยังมีการฆ่ากันอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
"หนูเองก็คงทำได้แค่ให้กำลังใจตำรวจ ทหาร และชาวบ้านในพื้นที่ทุกๆ คน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาให้พ้นจากภัยอันตราย ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัว และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐหาวิธีจัดการให้ปัญหาต่างๆ มันยุติลงเสียที เพราะว่าพี่น้องชาวไทย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องมาตายต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 15 ปีแล้ว"
ปัจจุบันคุณพ่อได้สิทธิ์ทวีคูณเลื่อนยศจากนายดาบเป็น "พล.ต.ต." ตามประกาศจากราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ ภายหลังออกจากการรับราชการเมื่อประมาณปี 2554
*****ถ้าปัญหาลอบฆ่าในพื้นที่จังหวัดปลายด้ามขวาน ยังไม่บรรเทาเบาบางลง ความสูญเสียคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อใด สำหรับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่ต้องลงไปปฏิบัติหน้าที่เสียสละเพื่อชาติ นอกจากเงินค่าเสี่ยงภัยและเบี้ยเลี้ยงที่พึงจะได้โดยไม่มีผู้บังคับบัญชาคนใดมาตัดตอนเอาไปแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องควรเสริมสวัสดิการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว *
และเมื่อใดที่เค้าเหล่านี้ต้องตกเป็นเหยื่อ จะพิการ หรือเสียชีวิต การชดเชย รับผิดชอบ ควรจะสอดคล้องกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย เพราะถ้าไม่มีพวกเค้า ใครกันจะกล้าหาญอาสาลงไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงตาย โดยไม่รู้เมื่อไหร่จะโชคร้ายโดนลอบฆ่า ทั้งที่ความเป็นจริง ทุกคนต่างก็มีความมุ่งหวังตั้งใจคุ้มครองดูแลชาวบ้าน ทำเพื่อประเทศชาติ และแผ่นดินไทยปลายด้ามขวานของเรา.
ูตู่/ชเนลิน พอเถอะครับกับการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ออกมาล่าพวกมันบ้างเถอะ ไม่ใช่เห็นข่าวถูกยิงตายรายวัน..เศร้าว่ะ
20 ม.ค. 2562 เวลา 13.43 น.
junenorm@l คิดหรอว่าจะสงบ ถ้าทำจริงๆปราบจริงๆเงียบหายไปนานแล้วไม่มีแล้วโจรใต้ เงินที่หนุนลงไปดับไฟใต้ มีเท่าไรครับ บอกได้เลยครับว่า มหาศาล... โจรปล้นธนาคารใส่หมวกปิดบังใบหน้าพวกตร.ยังจับใด้เลย ถ้าเอาเข้าจริงๆ ปราบปรามเดินหน้าลุย 3จังหวัดใต้จะน่าอยู่มากๆครับ
20 ม.ค. 2562 เวลา 13.35 น.
PTW เค้าเลี้ยงไข้ !!! กลังงบประมาณหมด ทหารใหญ่ๆ เขาเห็นเงินมีค่ามากกว่าชีวิตคน
20 ม.ค. 2562 เวลา 13.24 น.
ชัย น้ำยืน พูดได้คิดได้แต่ทำอะไรไม่ได้เราเป็นผู้น้อยผู้มีอำนาจกำหนดให้เราเดินเราทำผู้เห็นต่าง(โจรใต้)เขาก็เดินวนรอบๆๆตัวเรานั้นละก็แล้วแต่ว่ามันจะจัดการกับเราวันใหนเท่านั้นผมฝากผู้มี่อำนาจผู้บริหารบ้านเมืองสนใจผู้น้อยบ้างเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยที่พวกเราได้ก็น้อยนิดแต่ที่พวกท่านได้หลักล้านสร้างบ้านซื้อที่เป็นว่าเล่นพระก็ตายทหารก็ตายคูรก็ตายผู้มีอำนาจคิดใหม่ทำใหม่เถอะพวกท่านหลงทางแล้วละที่ทำมาเข้าทางผู้เห็นต่าง(โจรใต้)ทั้งนั้น ผมทำงานใน จชต.มา 10 ไม่เห็นดีขึ้นมีแต่ทรงและเลวลง
20 ม.ค. 2562 เวลา 13.38 น.
นิรันดร์ คิดถูกแล้วล่ะ ที่ไปอยู่กรุงเทพ อยู่สามจังหวัด ตำรวจ ทหาีี ชั้นผู้น้อย รอเป็นเหยื่อ หนูควรรีบลั่นขั้น.. ให้เป็นนาย พล แล้วกลับมาปักษ์ใต้ โจรใต้.. จะได้หมด.. ซะที
20 ม.ค. 2562 เวลา 13.09 น.
ดูทั้งหมด