ทุกวันนี้โลกอินเทอร์เน็ตที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนออกความคิดเห็นแบบเสรี
เริ่มกลายเป็น “พื้นที่ปะทะคารมณ์” ของคนที่คิดต่างมากขึ้น
การถกเถียงและเวที Debate ถูกยกมาอยู่ในโลกออนไลน์
ตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปจนถึงเรื่องใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวการเมือง
เป็นธรรมดาที่เมื่อคน 2 ขั้วที่คิดต่างมาเจอกัน
“ซ้าย กับ ขวา”
“เห็นด้วย กับ ไม่เห็นด้วย”
“สนับสนุน กับ ต่อต้าน”
จึงเกิด “สนามมวย” ที่มีการปะทะคารมณ์กันอยู่บ่อยครั้ง
บ้างถกกันด้วยเหตุผล บางครั้งก็เถียงกันด้วยอารมณ์
เหมือนสนามมวยที่มีหลายยก ขึ้นชกกันไม่สิ้นสุด
เมื่อสังคมของเรามีคนคิดต่างที่ต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน
แล้วเราจะหาทางถกเถียงกันอย่างไรให้สร้างสรรค์
เห็นต่างอย่างไรให้เข้าใจกันได้
Free Internet, Free Speech
นักปรัชญาในยุคก่อน เช่น โสกราตีส สนับสนุนการมีความคิดเห็นเสรี (Free Speech) คือ การมีเสรีภาพในการพูด ทุกคนมีสิทธิพูดความคิดของตัวเองออกมาได้เต็มที่
เมื่อถึงยุคที่มีอินเทอร์เน็ตเข้ามา เรายิ่งมีพื้นที่แสดงความคิดกันมากขึ้น
แชร์ง่าย ส่งต่อง่าย วิจารณ์ความเห็นคนอื่นได้ง่าย
เราอาจไม่จำเป็นต้องเขียนความคิดเห็นนั้นด้วยตัวเอง
เพียงแค่แชร์ คำพูด หรือ รูปภาพ ที่สื่อสารความคิดที่เห็นด้วย
ก็เป็นการส่งต่อและแสดงจุดยืนของเราอย่างหนึ่ง
From Free Speech to Hate Speech
เมื่อการแสดงความเห็นเสรีเป็นไปอย่างกว้างขวาง
จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า“Hate Speech” หรือ วาจา “สาดโคลน” ที่สร้างความเกลียดชัง
เช่น การโจมตีฝั่งตรงข้ามโดยยั่วยุทำให้เกิดการแบ่งแยก
หลายครั้งที่การถกเถียงเต็มไปด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
ทำให้เถียงอย่างไรก็ไม่จบ และมักเพิ่มความเกลียดชังมากขึ้น
Free Speech or Hate Speech?
Just Think Before You Post
เมื่อเราทุกคนต่างมีความเห็นเสรีที่อยากแสดงออก
แล้วเราจะตรวจเช็คได้อย่างไรว่า ความเห็นของเราเป็นความเห็นเสรีที่ชอบธรรม หรือ เผลอสาดโคลนโจมตีใส่คนอื่น ? …
สิ่งที่ช่วยได้ คือ คิดก่อนโพสต์ และเปิดใจรับฟังความเห็นฝั่งตรงข้ามมากขึ้น
ตราบใดที่โลกนี้มีคนคิดต่าง
สนามมวยแห่งการถกเถียงจะยังคงดำเนินต่อไป
แต่จะทำอย่างไรให้สนามนั้นไม่สร้างความเกลียดชังต่อ
สังคมเราจะลดการใช้อารมณ์ใน“พื้นที่ปะทะคารมณ์” ได้ไหม
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนค่ะ
ที่มา:
https://www.noted.co.nz/currently/social-issues/free-speech-hate-speech-where-should-we-draw-line/
About Me
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube: http://www.youtube.com/faunglada
Twitter: @faunglada
Website: www.faunglada.com
Jane Phu ผมใช้อินเตอร์เน็ตมาประมารน 25ปี ช่วงแรกๆตอนนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายมาก คนที่ได้ใช้ก็มีไม่มากและเป็นกลุ่มเฉพาะที่ค่อนข้างมีการศึกษาระดับหนึ่ง การแสดงความเห็นเท่าที่อ่านในเพจและกระทู้ต่างๆส่วนใหญ่มีเหตุมีผล อ่านแล้วได้ความรู้ แต่ช่วงหลังๆที่ใครๆก็เข้าอินเตอร์เน็ตได้รวมถึงคนที่การศึกษาต่ำลงก็ใช้ได้ ทำให้วุฒิภาวะในการอยู่ร่วมกันบนโลกออนไลน์กลับลดต่ำลงอย่างมาก การแสดงความเห็นในเชิงด่าทอเสียดสีมีมากขึ้นอย่างชัดเจน อ่านแล้วแทบไม่ได้ความรู้อะไรเลย ก็ไม่รู้จะแก้ยังไงก็เลยพยายามหลีกเลี่ยงการอ่านไป
07 มี.ค. 2562 เวลา 15.51 น.
N_Tansuwannarat มันมีสำนวนว่า "สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร" แต่ในกรณีวิวาทะบนโลกเสมือน "เมื่อสงครามจบ เราต้องมานับศพความคิด"
มีความคิดมากมายเป็นร้อยเป็นพันที่เราได้พรั่งพรูลงไปไม่ว่าจะพิมพ์จริง ๆ บอกว่าแมวพิมพ์หรือคิดในใจแต่ไม่พิมพ์ออกมา
เมื่อสงครามจบ ความคิดย่อมทิ้งบาดแผลให้เราไว้ ทำอะไรไว้มากก็จะทิ้งร่องรอยประวัติชีวิตไว้ บางบาดแผลก็รักษาไม่หาย ได้แต่รอเวลาให้ลบเลือนจางหายไป แล้วสุดท้าย สิ่งเหล่านี้จะมีผลลัพธ์ที่เชื่อมไปถึงเรื่อง Digital Footprint ที่คุณเฟื่องลดาเคยเขียนไว้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา
07 มี.ค. 2562 เวลา 05.03 น.
Prasit แสดงความคิดเห็นกันได้แต่ก็อย่าเล่นกันหนักให้ออกลูกหนุกหนานก็ดีช่วยผ่อนคลายดี ไม่อินจนเกินไปก็อ่านไปแบบลดความกดดันได้ดี
07 มี.ค. 2562 เวลา 11.11 น.
สวัสดีค่ะคุณ
เข้ามาในจุดนี้มีนักเขียนทีมีบทความที่ดีฯหลายท่านถ้าดิฉันจะกดถูกใจใว้คงไม่ผิดกติกานะคะคุณชอบในบทความของคุณและไม่ขอคิดเห็นแต่เห็นด้วยบางครั้งคำพูดที่แรงดิฉันอ่านแล้วก็ตกใจแต่อยา่งไรก็ขอภาวนาว่สในโลกของความเป็นจริงขอให้ภาพลักษณ์ของคนไทยที่มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันยังมีอยู่ในโลกของความจริงคะ
09 มี.ค. 2562 เวลา 14.40 น.
พูดจริงๆ นะบางทีก็เข้ามาด่าเฉยๆ
แทบจะไม่เคยอ่านข้อความใครเลย
เพราะต่างคนก็ต่างคิด
และรู้มากอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องอ่าน
อ่านหัวข้อแล้วแล้วสรุปเลย
เร็วดี
07 มี.ค. 2562 เวลา 16.04 น.
ดูทั้งหมด