น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ลงทุนโครงสร้างคมนาคมพื้นฐานมากมาย โดยนำเงินมาจากการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) งบประมาณปี 2563 ได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนปี 2558-2565 รวม 1.9 ล้านล้านบาท เน้นการสร้างโครงสร้างคมนาคม เพราะเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ในการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างการแข่งขันกับต่างชาติ รัฐบาลไม่สามารถทำเพียงองค์กรเดียวได้ แต่ต้องพึ่งพาเอกชนเป็นแขนขา เพื่อขยายเศรษฐกิจไปข้างหน้า ทั้งนี้เอกชนผู้รับสัมปทานจะต้องกลับมาดูแลชุมชน ถึงจะเติบโตอย่างเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นการพิจารณางบประมาณในวันนี้ถือเป็นการทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
น.ส.วทันยา กล่าวด้วยว่า การตั้งงบประมาณประจำ 2.3 ล้าน เป็นต้นทุนรายจ่ายประจำมีสัดส่วนสูงถึง 75% จากรายจ่ายทั้งหมด จีงอาจทำให้หลายคนกังวลว่าจะเป็นปัญหากับเรื่องงบประมาณการลงทุนหรือไม่ เพราะด้วยข้อจำกัดของวินัยการเงินการคลัง แต่รัฐบาลก็สามารถข้บเคลื่อนการลงทุนผ่านโครงการ พีพีพี ที่ให้เอกชนมาร่วมลงทุนแทนรัฐจึงทำให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนการลงทุนได้โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณ
นอกจากนี้หลายฝ่ายยังกังวลว่าการทำงบขาดดุลของรัฐบาล อาจจะเกิดหนี้สาธารณะ โดยบางคนได้กล่าวว่าสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีหนี้สาธารณะสูงที่สุด ซึ่งหากมองภาพรวมอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่หากดูรายละเอียดจะพบความจริง ว่า ถ้าเปรียบเทียบระหว่างสองรัฐบาลคือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ปีงบประมาณ 2555 -2557 มีการกู้เงินทั้งสิ้น 950,000 ล้าน เฉลี่ยแล้วมีการใช้เงินกู้ปีละ 4.5 แสนล้าน ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตั้งวงเงินกู้ไว้ทั้งสิ้น 2.1ล้านล้าน แต่เบิกกู้จริงเพียง 2.04 ล้านล้าน ดังนั้นเมื่อหารจากปีที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้บริหารงบประมาณตั้งแต่ปี 2558-2562 รวม 5 ปี พบว่าค่าเฉลี่ยเงินกู้อยู่ที่ประมาณปีละ 408,000 ล้านบาท
น.ส.วทันยา ยังกล่าวต่อว่า เมื่อดูค่าเฉลี่ยต่อปีพบว่ามีการกู้เงินน้อยกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปีละ 38,000 ล้านบาท และหากยังจำได้ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มี 1 โครงการที่เป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศ นั่นก็คือ โครงการรับจำข้าว ซึ่งขณะนั้นตัวเลขเงินกู้ไม่ได้ปรากฎในร่างงบประมาณ เพราะเป็นการกู้จากงบประมาณกึ่งการคลัง ซึ่งปัจจุบัน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังได้มีการกำหนดเรื่องนี้ไว้ ซึ่งสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีหนี้จากโครงการจำนำข้าว 8.8 แสนล้านบาท ซึ่ง 1 ในภาระเงินกู้ที่รัฐบาลต้องจัดสรรในทุกๆ ปี ส่วนหนึ่งมาจากต้องไปชดใช้ในโครงการนี้ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 แสนล้านบาท หรือ 7.5%จากเงินกู้ทั้งหมดของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
panit อ้างความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวแต่ไม่พูดถึงรายละเอียดในโครงการขายข้าวแล้วได้เงินมาเท่าไรไอ้ที่พูดแต่ยอดรวมนะใครก็พูดได้ วาทะกรรมเก่าๆ
19 ต.ค. 2562 เวลา 00.59 น.
แล้วพวกมึงเอาข้าวดีมาขายถูก
19 ต.ค. 2562 เวลา 00.52 น.
𝙅𝙚𝙖𝙣 𝙈𝙤𝙘𝙝𝙞𝙧𝙞 ก้าวข้ามม่พ้นจิงๆ อีสลิ่มเอ๋ย
19 ต.ค. 2562 เวลา 00.57 น.
Sahai P.K.M GROUP ปลูกข้าวเป็นซักต้นไหมออกมาพูดดี
19 ต.ค. 2562 เวลา 00.58 น.
l นึกอะไรไม่ออก ก็โยนขี้ไปเลย
1.ทักษิณ
2.ยิ่งลักษณ์
3.จำนำข้าว
4.ท่าไม้ตาย พวกมึงมันล้มเจ้า
ตรรกะ ที่ ไอ้กำนัน ไอ้สุวิทย์ และแกนนำดารา ห้อยนกหวีด ได้ทำการป้อนข้อมูล ฝังหัว ให้ผู้รับสาร ประมวลผล อยู่แค่นี้ 🤑🤑🤑
19 ต.ค. 2562 เวลา 01.03 น.
ดูทั้งหมด