"ผอ.รพ.จะนะ" ขอโทษจากหัวใจ เป็นส่วนหนึ่งไปกวักมือเรียกทหารมาทำรัฐประหาร สร้างหายนะประชาธิปไตย ประกาศเป็นอีกหนึ่งพลังร่วมขบวนน้อง ๆ นักศึกษาในการสร้างสรรค์ประชาธิปไตยและสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมไทยให้ก้าวข้ามจากอำนาจเผด็จการอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ระบุว่า วันแห่งการปลดปล่อยของผมเอง “คำขอโทษจากหัวใจ” จากปรากฏการณ์ความตื่นตัวและความกล้าหาญของนักศึกษาและนักเรียนทั่วไทย ที่ออกมาแสดงเชิงสัญญะในการเรียกร้องให้เผด็จการอำนาจนิยมในระบอบประยุทธ์และพวกลงจากอำนาจ คืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ผมต้องทบทวนตนเอง ทบทวนวิธีคิดของตนเอง และผมต้องยอมรับความจริงว่า “ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ไปกวักมือเรียกทหารมา ทำให้เกิดการรัฐประหาร และสานต่ออำนาจอย่างฉ้อฉลมาถึงปัจจุบัน” “ผมคือส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ที่สร้างหายนะทำให้ประชาธิปไตยต้องถอยหลังไปอีกหลายสิบปี”
ตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมาจากการรัฐประหาร คสช. เสียงเหล่านี้ดังอยู่ในหูของผมมาตลอด ดังบ้าง เบาบ้าง แล้วแต่จังหวะชีวิตและสถานการณ์บ้านเมือง การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของผมในขบวน กปปส.นั้น ความตั้งใจของผมและพี่น้องจำนวนมาก มุ่งหวังเห็นการปฏิรูปและเห็นประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า ทุกคนขับเคลื่อนอย่างมีความหวัง โดยที่ไม่ตระหนักเลยว่า การไม่ยอมรับการยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนั้นซึ่งเป็นทางออกสำคัญในระบอบประชาธิปไตย จะเท่ากับการสร้างเงื่อนไขและส่งเทียบเชิญให้กับคณะรัฐประหาร จนนำมาสู่การรัฐประหาร คสช.และฟื้นฟูระบอบทหารอำนาจนิยมและรัฐราชการ จนประเทศไทยถอยหลังไปนับสิบปี และเป็นภาระให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ต้องมาต่อสู้อย่างกล้าหาญในวันนี้
หลังจากที่ผมไปสังเกตการณ์ในเวที “#ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องกล่าวคำว่า “ขอโทษกับน้องนักเรียนนักศึกษาและทุกคนในสังคมไทย ที่ผมได้เข้าร่วมการชุมนุม กปปส.จนนำมาซึ่งการรัฐประหารในครั้งนั้น” ผมตระหนักชัดแล้วว่า “ไม่มีหรอกทางลัดสำหรับการสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในสังคม อำนาจพิเศษใดๆเช่นรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกิจ ก็คืออีกอำนาจเผด็จการชนชั้นนำหนึ่งทั้งสิ้น ก้าวไม่ข้ามและวนในวงจรเดิม การเปลี่ยนแปลงใหญ่ต้องขยับจากฐานราก ต้องกระเพื่อมมาจากประชาราษฎร์ ต้องไม่ส่งไม้ผลัดให้กับทหารหรือชนชั้นนำ ต้องอดทนตามหนทางในระบอบประชาธิปไตยที่เคารพเสียงส่วนมากของสังคม” “ในวันนั้น ผมออกนอกลู่นอกทาง หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางลัด ซึ่งไม่มีจริง และยังถูกฉกฉวยพลังและความคาดหวังของประชาชนไปเสวยอำนาจในนามเผด็จการ คสช.ที่เลวร้าย”
นี่คือคำขอโทษจากใจ วันนี้ผมมีความสุขแล้วที่ได้ปล่อยวางอัตตาที่ผมได้ถือไว้ตลอดหกปี และผมก็ยืนยันที่จะเป็นอีกหนึ่งพลัง ในการร่วมขบวนการกับน้องๆนักศึกษาในการสร้างสรรค์ประชาธิปไตยและสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมไทยให้ก้าวข้ามจากอำนาจเผด็จการอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ประเทศไทยนับจากวันนี้ไป จะต้องไม่เหมือนเดิม
ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ในโลกนี้มีประเทศไหนบ้าง...ให้ฟังเสียงส่วนใหญ่ แล้วที่ออกมานี่ส่วนใหญ่หรือเปล่า เอาอะไรมาวัด คิดเป็นกี่ % ของประชาชนชาวไทย .เหมือนพูดให้ดูดี พูดแบบให้ความหวังตัวเอง เหมือนกบเลือกนายอะไรแบบนั้น ..ข้อเรียกร้อง 3 ข้อครั้งแรกก็คือเรื่องการเมือง ก็จัดไปครับ .แต่ใน 10 ข้อหลังมันไม่ใช่แล้วละ มันเกินไป ภาพที่ใช้ใน มธ.ก็ชัดเจนมาก เพราะฉะนั้นอย่ามาแถว่าไม่ได้ก่าวล่วงสถาบันกษตริย์ หลักฐานมันชัดเจน ท่านจะไม่เคารพก็สิทธิของท่าน แต่ไม่มีสิทธิไปละเมิดความเชื่อของคนอื่น ..ขอบคุณครับ
14 ส.ค. 2563 เวลา 10.19 น.
Ming-78 นศ.มันจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน
หมอจะว่าไงล่ะ
14 ส.ค. 2563 เวลา 10.12 น.
idom หมอที่เขารู้ดีรู้ชั่วไม่สุดโต่งจนแยกแยะดีชั่วไม่เป็นเหมือนหมอแก่ๆบางคน มัวเมาในอำนาจที่เป็นกิเลส ชอบใส่ร้ายป้ายสีเด็กๆที่ปราถดีอยากเห็นประเทศไทยพ้นจากบ่วงมารเสียที ดูหมอที่เขารักในสิ่งที่ดีงามวันๆได้เเต่กวักมือเรียกทหารปฏิวัติรัฐประหาร ถามจริงๆเหอะที่ผ่านมายังฉืบหายไม่พอใช่ไหม
14 ส.ค. 2563 เวลา 10.10 น.
เมืองไทยเรามันสงบไม่พอหรือค่ะ ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกค่ะในนํ้ามีปลาในนามีข้าวมีหมอเก่งๆบ้านเมืองก็สงบดีแล้วพวกคุณมึงยังจะต้องการอะไรอีก
14 ส.ค. 2563 เวลา 09.56 น.
Rin เช็ญหมอออกจากราชการมาเป็นแกนนำเลยไอ้พวกต้านสถาบันไอ้คนไม่รักแผ่นดินลาออกมาเป็นผู้นำเลยออกเลยน่ะหมออย่ามากินเงินภาษีประชาชน
14 ส.ค. 2563 เวลา 09.52 น.
ดูทั้งหมด