“โควิด-19 เขย่าตลาดข้าวโลก” 4 ประเทศชะลอส่งออก ซัพพลายตึงตัว ดันราคาข้าวโลกขึ้นพรวด 50 เหรียญสหรัฐ ลุ้นคว้าออร์เดอร์ Q2 สมาคมส่งออกข้าว-โรงสี-ชาวนา ดี๊ด๊า มี.ค.ยอดพุ่ง 6 แสน
แหล่งข่าวในวงการส่งออกข้าว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวหลายประเทศ ประกาศหยุดส่งออกชั่วคราว เริ่มจากจีนเป็นประเทศแรกที่หยุดส่งออกนับจากที่มีปัญหาโควิด ส่งผลให้ปัญหาที่หลายฝ่ายกังวลว่าสต๊อกข้าวจากจีน 120 ล้านตันจะมาถล่มตลาดโลกคลายไป ขณะที่อินเดียประกาศปิดประเทศและหยุดส่งออกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ส่งผลต่อตลาดข้าวโลก เพราะอินเดียเป็นผู้ส่งออกเบอร์ 1 ปีที่ผ่านมาส่งออก 10-11 ล้านตัน
ล่าสุดทางกัมพูชาประกาศงดส่งออกข้าวขาวทั้งหมด ยกเว้นข้าวหอมมะลิและข้าวคุณภาพสูง 2 เดือนนับตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ส่วนเวียดนามคาดว่าจะพิจารณาจำกัดปริมาณการส่งออกเช่นกัน
“ผู้นำเข้าหันมาซื้อที่ไทยทำให้ราคาข้าวปรับสูงขึ้นทั้งราคาส่งออกและราคาภายใน เช่น ข้าวขาว 5% ราคาส่งออกปรับขึ้นตันละ 50 เหรียญสหรัฐ จากเดือนก่อนที่ 490 เหรียญสหรัฐ ปรับขึ้นเป็น 560 เหรียญสหรัฐ ราคาข้าวสารในประเทศตันละ 16,500 บาท แต่ต้องระวังว่าตลาดแอฟริกาซึ่งเป็นตลาดหลักก็มีคนป่วยเพิ่มขึ้นแล้ว”
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าเบื้องต้นจากการติดตามสถานการณ์คาดว่าเวียดนามจะออกประกาศชัดเจนในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจะจำกัดการส่งออกเพียง 2 เดือน ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 ให้ส่งได้ไม่เกินเดือนละ 400,000 ตัน ส่วนประเทศอื่น อินเดียและปากีสถานยังคงส่งออกต่อเนื่อง ทั้งยังมีอาร์เจนตินา เริ่มมาส่งออกข้าวขาวราคาตันละ 470 เหรียญสหรัฐ
จากกรณีที่กังวลว่าผลการปิดประเทศและหยุดส่งออกชั่วคราวของหลาย ๆ ประเทศ จะทำให้ส่งออกข้าวขยายตัวมากขึ้นจนเกิดผลกระทบต่อปริมาณข้าวภายในประเทศนั้น ยืนยันว่าปริมาณข้าวภายในมีเพียงพอต่อการบริโภคอย่างแน่นอนและแม้ขณะนี้จะมีปริมาณคำสั่งซื้อข้าวหอมมะลิจากฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เดือนมีนาคม 2563 มีปริมาณ 620,000-630,000 ตัน สูงกว่าช่วง 2 เดือนแรก เฉลี่ยเพียงเดือนละ 400,000-500,000 ตัน แต่สมาคมยังคาดการณ์ว่าทั้งปี 2563 จะส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมายเดิม 7.5 ล้านตัน
“สถานการณ์ที่ดีขึ้นไม่ได้ส่งผลให้ส่งออกโตก้าวกระโดด คงเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น เพราะปัจจัยด้านราคาซึ่งราคาข้าวไทยยังสูงกว่าหลายประเทศ เช่น ราคาข้าวหอมมะลิตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐ ส่วนเวียดนามเฉลี่ยตันละ 650 เหรียญสหรัฐ ส่วนราคาข้าวขาวไทยตันละ 550 เหรียญสหรัฐ เวียดนามตันละ 430 เหรียญสหรัฐ การที่ราคาข้าวภายในประเทศสูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากภัยแล้งด้วย แต่ก็ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น”
นายสมเกียรติ มรรคยาธร เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า รายงานปริมาณสต๊อกข้าวคาดการณ์มีอยู่ 6 ล้านตันข้าวสาร หากรวมผลผลิตข้าวนาปรังที่จะออกสู่ตลาดอีก 2 ล้านตัน ไทยจะมีสต๊อก 8 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งเชื่อว่าปริมาณข้าวดังกล่าวเพียงพอทั้งการบริโภคภายในและการส่งออกไปต่างประเทศจนถึงเดือนสิงหาคมนี้ก่อนจะเข้าสู่ฤดูการผลิตข้าวนาปี
“การบริโภคภายในประเทศของคนไทยเฉลี่ยสูงสุด 86 กก.ต่อคนต่อปี หรือเดือนละ 7 กก. ซึ่งปริมาณดังกล่าวรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคนด้วย แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้นักท่องเที่ยวหายไป ดังนั้น ปริมาณความต้องการบริโภคข้าวในประเทศจะลดลงตาม”
ส่วนการส่งออกข้าวเดือนมีนาคม 2563 ที่จะมี 600,000 ตัน ก็ยังมีปัญหาระบบโลจิสติกส์อาจทำให้ส่งมอบล่าช้าด้วย
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ภาพรวมการพยากรณ์ผลผลิตข้าว ปี 2562/2563 มีข้าวเปลือก 28.44 ล้านตัน คิดเป็นข้าวสาร 18 ล้านตันเศษ ลดลงจากปกติปีที่ไม่มีภาวะภัยแล้ง ไม่ท่วม 30-31 ล้านตันข้าวเปลือก ข้าวสาร ประมาณ 19.50-20 ล้านตัน ซึ่งไทยบริโภคในประเทศประมาณ 8 ล้านตัน ปีที่ผ่านมาส่งออก 7.5 ล้านตันเศษเท่ากับ 15.5 ล้านตัน เทียบปริมาณการใช้แล้ว ยังถือว่ามีเพียงพอ ดังนั้นจึงไม่ควรชะลอส่งออก
“ปีนี้เป็นปีแรกในรอบ 3 ปีที่ราคาข้าว 5% ผงกหัวขึ้นมาจากที่เคยตันละ 370-380 เหรียญสหรัฐ เป็นตันละ 500 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นราคาข้าวสาร 5% ตันละ 16,500 บาท จาก 3 ปีก่อนที่ราคาทรง ๆ ตันละ 11,500-12,000 บาท คิดทอนเป็นราคาข้าวเปลือก 5% ความชื้น 15% ตันละ 10,000-10,500 บาท จากเดิม 7,600-8,000 บาท แต่ถ้าราคาไทยแพงมาก ต่างประเทศก็ระมัดระวังสั่งซื้อใช้เท่าที่จำเป็น”
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรอบแรก ซึ่งปริมาณผลผลิตเฉลี่ย 100,000 ตัน แต่จะยังทยอยออกมาเรื่อย ๆ คาดว่าหลังจากเดือนเมษายน เกษตรกรจะเริ่มปลูกข้าวนาปรังรอบ 2 ทันที เนื่องจากขณะนี้ข้าวราคาดี โดยข้าวเปลือกตันละ 8,000 บาท หรือเป็นข้าวสารเฉลี่ยตันละ 15,000-16,000 บาท
ส่วนราคาข้าวเปลือกหอมปทุมและข้าวเปลือก กข 79 เฉลี่ยตันละ 9,000-10,000 บาท หรือเป็นข้าวสารตันละ 25,000 บาท และมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลจากการปิดประเทศทำให้ราคาข้าวไทยสูงขึ้น และแพงกว่าคู่แข่ง อีกด้านก็อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ
S.P แล้วไง ใครรวยราคาข้าวสูง ชาวนาไม่มีข้าวในมือ ปลูกก็ไม่ได้ไม่มีน้ำ คนไทยก็ต้องกินข้าวแพงอีกแล้วคอยดูคงจะกักตุนให้ขาดตลาดอีกแบบหน้ากาก,แอลกอฮอล์และไข่ไก่ คอยดู คนไทยเตรียมรับเวรกรรม จนอยากจะติดโรคตายเสียดีกว่ามีชีวิต
05 เม.ย. 2563 เวลา 12.00 น.
PTD โรงสีรวย
ชาวนาจนเหมือนเดิม
ไม่เห็นจะดีใจอะไร
06 เม.ย. 2563 เวลา 01.02 น.
kansaran ข้าวแม่เก็บมาห้าปี กินยังไม่หมด
06 เม.ย. 2563 เวลา 02.39 น.
อ๋อ เลย
05 เม.ย. 2563 เวลา 14.15 น.
ดูทั้งหมด