ให้ ส.ว.อภิปรายชม "ผลงานรัฐบาล" เท่านั้น ห้ามด่า หรือ บอกว่าทำไม่ดี!

ให้ ส.ว.อภิปรายชม “ผลงานรัฐบาล” ที่ผ่านมาเท่านั้น ห้ามด่า หรือ บอกว่าทำไม่ดี ชี้ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.

เวลา 09.30 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 27 อาคารสุขประพฤติ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการสัมมนาส.ว. เตรียมพร้อมเข้าประชุมร่วมรัฐสภาในการแถลงนโยบายรัฐบาล

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กล่าวว่า ไม่มั่นใจเวลา 2 วันจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเวลาที่กำหนด ไม่รวมเวลาประท้วงของส.ส.แต่ละฝ่าย รวมถึงไม่นับรวมเวลาที่นายกฯ เสนอนโยบายและผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายเปิดและปิด ก็นาน 28 ชั่วโมงแล้ว จึงกังวลว่าเมื่อเวลาใกล้หมดส.ว.ที่อยู่ในลำดับท้ายอาจไม่ได้สิทธิ์อภิปราย

ด้านนพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ กล่าวว่า หากเทียบเกณฑ์ของส.ว.ในการอภิปรายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา มีส.ว.อภิปราย 45 คน คนละ 8 นาที ทำให้มีเวลาอภิปรายรวมทั้งหมดเกือบ 6 ชั่วโมง ดังนั้น หากยึดหลักการดังกล่าวในการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ต้องได้เวลาเกินกว่า 5 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 ก.ค. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จะเรียกตัวแทน 3 ฝ่าย คือ วิปฝ่ายค้าน วิปฝ่ายรัฐบาล และส.ว.หารือ ดังนั้น จะขอให้ทบทวนการจัดสรรเวลาให้เพียงพอต่อการอภิปรายของส.ว.ด้วย ที่กังวลคือการประท้วง เห็นว่ารัฐบาลตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี 20-30 คน เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้าน สิ่งที่ห่วงคือจะใช้เวลามาก ต่อให้ประชุม 3 วันอาจไม่พอ เชื่อว่าวันที่ 26 ก.ค. การอภิปรายต้องจบภายในเวลาเที่ยงคืน

อ้างดื้อๆ-ส.ว.ชมรัฐบาลได้ห้ามด่า

นพ.เจตน์ กล่าวว่า ส.ว.ไม่มีหน้าที่อภิปรายสนับสนุนหรือปกป้องตัวบุคคล เว้นแต่อภิปรายถึงผลงานที่ผ่านมาว่าทำได้ดีอย่างไร แต่ไม่สามารถอภิปรายว่าที่ผ่านมาทำไม่ดี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ที่จะดำเนินการ

ดังนั้น ส.ว.ควรเน้นนโยบาย ในเชิงให้ข้อเสนอแนะแบบผู้ใหญ่ โดยพิจารณาจากนโยบายรัฐบาลใน 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นสัญญาว่าจะทำว่าเหมาะสมหรือขาดอะไรบ้าง เชื่อว่าเมื่อวางหลักการแล้วจะทำให้การประชุมกลับมาพิจารณาเรื่องนโยบาย และลดกระแสการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลใด

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสัมมนาเห็นควรให้อภิปรายเชิงสร้างสรรค์ มุ่งเน้นการเสนอแนะและให้อภิปรายอยู่ภายใต้กรอบนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน พร้อมเปิดให้ส.ว.แสดงความจำนงที่จะอภิปราย เบื้องต้นมีผู้แสดงความจำนงมากกว่า 50 คน ซึ่งจะนำไปจัดกลุ่มการอภิปรายในนโยบายแต่ละด้านต่อไป