เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 20 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ตัวแทนอดีตพนักงานของรัฐในกระทรวงสาธารณสุข(พนง.รัฐสธ.) ราว 100 คน นำโดยนายมานพ ผสม ประธานชมรมอดีตพนักงานของรัฐสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) และนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) เพื่อเรียกร้องขอคืนอายุราชการในช่วงที่เป็นพนักงานของรัฐ และขอให้แก้ไขเงินเดือนเหลือมล้ำ โดยมีนายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรมว.สธ.. นายเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรมช.สธ. และนพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองปลัด สธ. เข้ารับเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้เข้าหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกในการช่วยเหลือบุคลากรกลุ่มนี้จำนวน 24,063 คน
นายมานพ กล่าวว่า ตนและผู้แทนอดีตพนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่พ.ศ.2543-2546 ซึ่งมีจำนวน 24,063 คน มาขอความช่วยเหลือในประเด็นการขอคืนอายุราชการ และการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเงินเดือนจากหลักเกณฑ์เยียวยาสำนักงานคณะกรรมการข้าราชพลเรือน(ก.พ.)หนังสือที่ นร 1012.2/250 ในปี 2557 ทำให้ข้าราชการรุ่นน้องที่บรรจุภายหลังมีเงินเดือนมากกว่ารุ่นพี่ โดยขอให้ผลักดันเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อออกเป็นมติในการช่วยเหลือ ซึ่งหากทำได้ จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่างก.พ. ยอมแก้ไขระเบียบและคืนความเป็นธรรมให้พวกตนเสียที
"ต้องขอความเห็นใจจากฝ่ายการเมือง และท่านนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือพวกเรา เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาจากมติ ครม. ก็ต้องแก้ไขที่มติครม. เนื่องจากครม.ให้การเยียวยาเมื่อปี 2557 แต่ให้เฉพาะกลุ่มรุ่นน้องที่ทำงานหลังธันวาคม 2555 แต่ไม่ถึงรุ่นปี 2543-2546 ซึ่งกลุ่มนี้มีกว่า 2 หมื่นคน ทำให้เราขาดอายุราชการไป 4 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก.พ.เคยบอกว่า ที่ไม่นับรวมพวกเราเพราะเราเป็นพนักงานของรัฐ ซึ่งมีสิทธิประโยชน์เทียบเท่าข้าราชการ แต่ทำไมกลับไม่ย้อนหลังเรื่องอายุราชการ ทำให้เราขาดไป 4 ปี มีผลต่อเงินบำเหน็จบำนาญ อย่างแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ หรือนักรังสี และอื่นๆ ที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หากเกษียณจะได้เงินบำนาญไม่ถึงหมื่นบาท ขณะที่รุ่นน้องที่ได้รับการเยียวยาจะได้ประมาณ 2 หมื่นบาท ซึ่งต่างกันมาก" นายมานพ กล่าว
นายวัชรพงศ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนว่า จากการพูดคุยกับพี่น้องบุคลากรที่ได้รับผลกระทบ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.สืบเนื่องจากมติครม.ปี 2543 ไม่ให้มีการเพิ่มการบรรจุตำแหน่งข้าราชการ บุคลากรกลุ่มนี้จึงต้องเป็นพนักงานของรัฐแทน แต่ต่อมาในปี 2557 มีมติเยียวยากลุ่มลูกจ้างและพนักงานราชการที่บรรจุใหม่ ทำให้รุ่นน้องได้รับค่าตอบแทนมากกว่ารุ่นพี่ และ 2.ขอให้มีการเยียวยาคืนอายุราชการที่หายไปในช่วง 4 ปีของกลุ่มพนักงานของรัฐ เพื่อให้ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญตามสิทธิประโยชน์ของข้าราชการ ซึ่งจากการหารือเรื่องนี้ไม่ใช่แค่สธ.เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องและเป็นอำนาจของกระทรวงการคลัง และ ก.พ. จึงได้มีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาทั้ง 2 เรื่อง และหาทางออกเรื่องนี้ โดยมีปลัดสธ.เป็นประธาน มีนพ.ไพศาล ในฐานะรองปลัดฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง และก.พ.เข้าร่วม ซึ่งจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
"ท่านอนุทิน และท่านสาธิต มีความเป็นห่วง และกำชับให้ดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด เพราะบุคลากรทั้งหมดคือ พี่น้องของกระทรวงฯ เพียงแต่จะหาทางออกอย่างไร ต้องมาคุยกันก่อน เนื่องจากยังมีเรื่องระเบียบของ ก.พ. ที่ต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากจะเยียวยา ช่วยเหลือบุคลากรกลุ่มนี้กว่า 2 หมื่นคน จะต้องใช้เงินประมาณหมื่นล้านบาท เบื้องต้นจากการพูดคุยตัวแทนชมรมฯ ก็เข้าใจดีว่า ประเด็นข้อเรียกร้องไม่ใช่แค่กระทรวงฯ จะมีอำนาจฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่เราจะช่วยเหลือให้ดีที่สุด จากนี้จะเสนอรมว.สธ.ในการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการต่อไป" นายวัชรพงศ์ กล่าว
นพ.ไพศาล กล่าวว่า สธ. มีการติดตามและสอบถามไปทางกระทรวงการคลัง และก.พ. หลายครั้งได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญ…. และพ.ร.บ.บำนาญ….ที่ระบุว่าราชการนับตอนเป็นราชการ และกระทรวงการคลังไม่เคยพิจารณาคืนอายุราชการให้หน่วยงานใดเลย ส่วนประเด็นเรื่องเงินเดือนเหลื่อมล้ำ สธ.ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังก.พ. 19 ครั้งแล้ว และล่าสุด ก.พ.ทำหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ระบุว่า มติครม.ระบุว่าสิทธิประโยชน์ของพนักงานของรัฐ และราชการเป็นไปตามมติครม.นั้นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ มีความเป็นไปได้ที่สธ.จะทำแผนออกจาก ก.พ.เพื่อวางกรอบกำลังคนเองหรือไม่ นพ.ไพศาล กล่าวว่า เป็นเรื่องเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ก็ต้องดูว่าผู้บริหารจะมีนโยบายอย่างไร แต่การตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการหารือร่วมกันระหว่างสธ. กระทรวงการคลัง และก.พ. จากก่อนหน้านี้จะหารือแยกหน่วยงาน
ด้านนพ.กฤษ ใจวงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสันติสุข จ.น่าน กล่าวว่า จากการพูดคุยและได้รับฟังคำตอบก็ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยาก และความหวังดูจะริบหรี่ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะไปให้คำตอบสมาชิกที่มาเรียกร้องวันนี้ เพราะหากพูดถึงระเบียบกฎหมายต่างๆ ก็ค่อนข้างยาก แต่ก็มีความหวังเพียงฝ่ายการเมืองที่จะเข้ามาช่วยเหลือจุดนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นสะสมมานาน อย่างปัจจุบันเท่าที่ทราบมีแพทย์ที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน แต่ติดต่อได้ประมาณ 70 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีแสดงความจำนงว่าอยากลาออกประมาณ 50 % เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องขวัญกำลังใจที่หากไม่มีการช่วยเหลือ คงเกิดไหลออกนอกระบบอีกมาก
นิวบูติก คนที่เรียนสายนี้ว่างงานมากที่สุด
21 ส.ค. 2562 เวลา 03.13 น.
มีเรื่อง เล่า จะเป็นจะเรียนอะไรดีของหน่วยงานรัฐถึงจะไม่มีเหลื่อมล้ำกดขี่กัน ใช่ว่าเป็นข้าราชการจะเท่าเทียมกันอนาคตจะแน่นอนกับงานของรัฐมันยังไม่แน่นอนกับเงินเดือนรายได้กว่าจะบรรจุกว่าจะเป็นข้าราชการเต็มตัวมันใช้เวลานานอยู่ทั้งเรียนทั้งทำงานตามไปโดนรุ่นพี่หรือผู้บริหารกดขี่ข่มเหงขืนใจต่างๆนาๆหลายอย่าง ลำบากจิตใจอยู่รายได้ก็ไม่เท่าเทียม
21 ส.ค. 2562 เวลา 02.53 น.
Banz คุณต้องใช้กัญชาผมเยอะๆก่อน ผมจะพิจารณา
21 ส.ค. 2562 เวลา 01.57 น.
ยามขาดกำลังก็ เปิดสอบหลอกให้ มาทำงาน
พอทำเเล้วก็ปล่อยทิ้งขว้างไม่ดูแล นี่หรือ
กระทรวงสาธารณสุข คนทำงานยังทุกข์
เเล้วประชาชนจะสุขได้ไง
ร้องไปก็เท่านั้น ทำงานมา25ปีร้องมาทุก รมต
ผู้บริหารก็ดีแต่เอาตัวรอดไปแต่ละยุค แย่งชิง
แบ่งขั้ว มันจะเวลาที่ไหนมาดูแลคน สธ
21 ส.ค. 2562 เวลา 00.22 น.
<$€¥> แพทย์+พยาบาล เป็นพนักงานของรัฐ ไม่ได้เป็น ขรก.หรือครับ เห็นใจมาก บุคลากรเหล่านี้ทำงานหนักมาก เวลาทำงานแทบไม่มีเวลานั่งพัก เงินเดือนและสวัสดิการน่าจะได้มากกว่า ขรก.อื่นๆ (เคยเข้าใจผิด) แปลกใจที่บอกว่า เงินบำนาญได้หมื่นกว่าบาท ช่วยเหลือท่านเหล่านี้เถอะครับ
20 ส.ค. 2562 เวลา 19.05 น.
ดูทั้งหมด