บันเทิง

เปิดเส้นทางก่อนดัง “กอล์ฟ เทยเที่ยวไทย” 17 ปีจากเบื้องหลังสู่เบื้องหน้า

daradaily
อัพเดต 16 พ.ย. 2561 เวลา 10.49 น. • เผยแพร่ 16 พ.ย. 2561 เวลา 13.30 น.

เปิดเส้นทางก่อนดัง “กอล์ฟ เทยเที่ยวไทย” 17 ปีจากเบื้องหลังสู่เบื้องหน้า

              มอบความสุขให้แฟนๆ ได้ติดตามมานานอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักแสดง-พิธีกรอารมณ์ดี“กอล์ฟ กิตติพัทธ์ ชลารักษ์” หรือ“กอล์ฟ เทยเที่ยวไทย”ที่หลายคนรู้จัก แต่เส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิงจะเป็นอย่างไร วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปเปิดประวัติของเธอกัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

              ชีวิตในวัยเด็กเป็นเด็กต่างจังหวัด คือเป็นเด็กจังหวัดกาญจนบุรี ม.ต้น ก็เรียนอยู่ที่ต่างจังหวัด ตอนเด็กก็เล่นดินเล่นทราย ปืนต้นไม้ ซึ่งสมัยเด็กๆ ดูแมนมาก แล้วก็เข้ากรุงเทพฯ มาตอนที่เรียน ม.ปลาย แล้ว พอเรียนมหาวิทยาลัยก็อยู่กรุงเทพฯ อยู่ตลอดเลย ตอนนั้นเข้าเรียนที่อักษรศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือก็เลยเรียนคณะนี้ แต่วิชาเอกที่เราเรียนคือ ศิลปะการละคร ด้วยความที่เราชอบดูทีวี ชอบดูละคร อยากทำงานเกี่ยวกับสายนี้ ด้วยความตั้งใจของเราอยากทำงานเบื้องหลัง รายการโทรทัศน์ หรือละครก็ได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

              จริงๆ เริ่มแรกหลังจากที่เรียนจบที่แรกที่ไปทดลองฝึกงานและทดลองทำงานคือ เขียนบทละครกับค่ายเอ็กแซ็กท์ ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงสั้นๆ ที่ไปทดลองเขียนบทละคร แต่พอดีว่าตอนนั้นบริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี เขาขึ้นรายการใหม่ ตอนนั้นเป็นที่รู้จักมากเลยคือ Five Live ซึ่งเป็น 10 ปีแล้ว เขาต้องการหาคนมาร่วมทำงานเพิ่ม เพื่อนเราก็เลยชวนเรามาสมัครที่นี่ ก็ได้ทำงานที่ Five Live มาก่อน หลังจากนั้นก็ทำงานเบื้องหลัง เขียนสคริปต์รายการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรายการเพลง มีเกมโชว์บ้างนิดหน่อย ก็ทำงานเบื้องหลังมาเกือบ 10 ปี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

              ตอนนั้นได้รับโจทย์จากผู้ใหญ่ว่า อยากได้รายการท่องเที่ยว ตอนนั้น “ป๋อมแป๋ม นิติ” ซึ่งเป็นเพื่อนเราที่ทำงานอยู่ด้วยกันก็มาทำงานต่อว่าให้ทำรายการท่องเที่ยว เพื่อออนแอร์ในช่อง ก็ช่วยกันคิดว่าจะเอารายการอะไรดี ก็พยายามสำรวจตลาดว่ามีรายการท่องเที่ยวอะไรบ้าง สรุปก็อยากได้รายการท่องเที่ยวที่เห็นบรรยากาศการท่องเที่ยวกับเพื่อน ก็เลยได้ออกมาเป็นรายการ “เทย เที่ยว ไทย” ซึ่งเป็นครั้งแรกและโอกาสแรกกับการขึ้นมาอยู่ในฐานะคนเบื้องหน้า ก็จะเป็นพิธีกรรายการก่อน ต่อมาก็จะมีพิธีกรรับเชิญตามรายการอื่นๆ บ้าง รวมถึงหลังๆ จะเริ่มทำงานแสดงมากขึ้น ก็เลยย้อนกลับไปในสมัยที่เราเรียน ซึ่งเราเป็นนักเรียนการแสดง ศิลปะการแสดง ก็เลยรู้สึกว่าโชคดีเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าวันนึงเราจะก้าวมาถึงตรงนี้ และไม่คิดว่าสิ่งที่เราเรียนมามันจะได้รื้อและเอาออกมาใช้ในวันนี้ แล้วก็สนุก

              ครั้งแรกที่มาอยู่เบื้องหน้าเลยคืองง เราอยู่แต่เบื้องหลังมาก็จริง ทำงานกับพิธีกรคนอื่นๆ มาตลอด เราก็คอยกำกับ คอยบอกเขาว่าเอาแบบนี้ๆ นะ แต่เราไม่เคยทำเองจริงๆ พอเอาจริงๆ มันยากอีกแบบ มันไม่เหมือนกันเลย เราก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ช่วงแรกๆ ที่ทำรายการกับเพื่อนๆ เราพูดเหมือนกันว่า เราไม่ใช่พิธีกรที่เก่งเลย คือเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ต่อให้เราเคยทำงานในฐานะเบื้องหลังมาแล้ว แต่พอเรามาทำเบื้องหน้า แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นความโชคดีมากๆ ที่รายการถูกพูดถึงตั้งแต่ทีเซอร์ครั้งแรกออกมา แต่ก็เป็นความกดดันในขณะเดียวกันว่าเทปแรกที่ออกอากาศไปว่ากระแสจะดีอย่างที่เขาคาดหวังไหม แต่พอออกมามีการพูดถึงและมีการบอกต่อ มันทำให้เราเป็นที่รู้จักได้ในเวลาที่สั้นๆ

              จริงๆ มาถึงวันนี้ได้เราต้องขอบคุณคนดูนะ ขอบคุณที่เปิดใจดูเรา ซึ่งมันเป็นเหตุผลทำให้รายการเรามาถึงทุกวันนี้ได้ และทุกครั้งที่ได้งานใหม่ ลงมือทำงานใหม่ๆ เราก็ต้องเรียนรู้ใหม่ ก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ มาทำงานแสดงก็อีกแบบนึง ต่อให้เราเคยเรียนมาแล้วมันก็ไม่เหมือนในห้องเรียน

              ทางด้านการแสดงที่มาเล่นเยอะๆ ก็คือ U-Prince ก็ยังงงเหมือนกัน เราเรียนการแสดง ศิลปะการละคร แต่ที่เราเรียนและเล่นคือละครเวที มันคือการแสดงสดบนเวทีโดยไม่มีกล้องมาคอยจับ ไม่มีการเทค การคัท ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจนจบ แต่พอมาเล่นละครทีวีก็เป็นอีกแบบนึง มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว เทคนิคที่ใช้ไม่เหมือนกัน ซึ่งครั้งแรกที่ลองคือเรางงมาก (หัวเราะ) จะพยายามเผลอมองกล้องก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ โชคดีที่ละครที่เราเล่นในแต่ละเรื่องได้ทีมงานที่น่ารัก ผู้กำกับฯ คอยบอกเรา พร้อมเราเรียนรู้กับคนที่เราร่วมงานไปด้วย คนที่เขามีชั่วโมงบินมากกว่าเรา เล่นละครมาก่อนเรา ก็เรียนรู้จากตรงนั้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ยังคิดว่าตัวเองต้องพัฒนาอีกเยอะ

              ไอดอลและต้นแบบในวงการบันเทิง คือ คนที่เราร่วมงานครั้งแรกตอนที่เราเข้ามาทำงานที่แกรมมี่เลย“ดีเจพี่อ้อย นภาพร” พี่อ้อยเป็นต้นแบบในการทำงาน การคิด การใช้ชีวิต และทัศนคติหลายๆ อย่าง ความโชคดีที่ได้ทำงานกับพี่อ้อย เราได้เรียนรู้วิธีคิดและทัศนคติของเขาในการทำงานกับการใช้ชีวิต เรารู้สึกว่ามันเข้ากับตัวเรา และเราเอามาปรับประยุกต์ใช้ได้ ก็เลยเป็นต้นแบบมาตลอด และกลายเป็นคนที่สนิทกัน เหมือนเป็นพี่เป็นน้องที่ดูแลกัน

              ส่วนตัวไม่เคยคิดเลยว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังมาถึงทุกวันนี้ อย่างที่บอกว่าตั้งแต่สมัยเรียน ความใฝ่ฝันของเราคืออยากทำงานเบื้องหลังมาตลอด ไม่เคยคิดว่าจะมาอยู่เบื้องหน้า และที่ไม่คิดเลยว่าวันนึงมาอยู่เบื้องหน้าแล้วเรามาได้ไกล และกลายเป็นที่รู้จักมากขนาดนี้ ก็ขอบคุณโอกาส ขอบคุณคนที่ให้โอกาส ขอบคุณทุกคนที่ติดตามดูงานของเรามาตลอด สำหรับเราชีวิตทุกวันนี้กำไรมหาศาลมากๆ เลย อยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้าก็ประมาณ 17  ปี ถ้าในฐานะเบื้องหน้าปีนี้ปีที่ 7

              ฝากถึงคนที่มีความฝัน อย่างแรกเลยคุณต้องหาให้เจอว่าสิ่งที่คุณฝันคืออะไร เชื่อว่าโลกทุกวันนี้โอกาสที่เราจะได้รู้ ได้เห็นว่าบนโลกใบนี้มันมีอะไรสนุก และน่าสนใจ เราต้องพาตัวเองออกไปจากสิ่งซ้ำๆ เดิมๆ เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าบนโลกนี้มันมีอะไร ความสนใจเราอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะหาให้เจอก่อนว่าแท้ที่จริงแล้วฝันของเราคืออะไรกันแน่ แล้วเราจะได้โฟกัสถูกว่าเราจะเดินไปทางไหน เชื่อว่าทุกๆ คนจะได้ก้าวไปในทางที่ถูกของตัวเองได้ในวันหนึ่ง

              สุดท้ายก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามกันมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่รู้จักกันมา ทุกๆ คนทำให้เราเดินมาถึงทุกวันนี้ และมีวันนี้ได้ มันคือแรงสนับสนุน และเป็นกำลังใจการทำงานเหมือนกัน แล้วก็พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นให้สมกับการที่เขารัก และมอบความไว้วางใจให้กับเรา ชมเราได้ ติเราได้ จะได้รู้ว่าต้องพัฒนาตัวเองอะไรต่อ ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามกันค่ะ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • ⭐️🐻Karnra-V🚘⭐️
    เรารู้สึกว่านางคือผู้หญิง100%เลยนะ ชอบนางมาก
    17 พ.ย. 2561 เวลา 04.31 น.
  • ซฺุ่ลฮุลัยฟะห์
    รักนาง
    17 พ.ย. 2561 เวลา 01.04 น.
ดูทั้งหมด