ทั่วไป

“นพดล ธรรมวัฒนะ” ทุ่มชีวิต “เรียนกฎหมาย” เพื่อต่อสู้กับ “คำครหา” และ “ความโลภ” ของคนในตระกูล

TheHippoThai.com
เผยแพร่ 08 พ.ย. 2561 เวลา 13.00 น.

“นพดล ธรรมวัฒนะทุ่มชีวิต เรียนกฎหมาย” เพื่อต่อสู้กับ คำครหา” และ ความโลภ” ของคนในตระกูล

ท่ามกลางกระแสร้อนในโลกโซเชียลของซีรีส์ดัง ‘เลือดข้นคนจาง’ ทำให้หลายคนอดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ของตระกูล ‘ธรรมวัฒนะ’ ซึ่งดูมีความละม้ายคล้ายคลึงกันเสียเหลือเกินจนหลายสำนักต้องถึงกับไปจ่อไมค์ถามความคิดเห็นจากบุคคลผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อแห่งความอยุติธรรมของเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทว่าสิ่งที่มีมากกว่าแค่การเชื่อมโยงเรื่องราว ก็คือเรื่องราวอันเป็นเสมือนการตกผลึกความคิดและชีวิตในทุก ๆ วันของเขา ชายคนที่ชื่อ ‘นพดล ธรรมวัฒนะ’ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เจ้านายคุณเป็นฆาตกร!

ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากก็ยังดำเนินธุรกิจส่วนตัวนับตั้งแต่วันเสียชีวิตของพี่ตั้งแต่ปี 2542 จริง ๆ คดีความก็ได้จบสิ้นไปแล้ว หลังจากผลการพิสูจน์ทางด้านนิติเวชวิทยาหรือด้านนิติวิทยาศาสตร์แม้กระทั่งกระบวนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ย้อนกลับไปดูเวลาที่ต้องขึ้นศาล เราแทบไม่เคยเห็นความประหม่าใดๆ บนสีหน้าของนพดล? ก็ไม่ได้รู้สึกหนักอกหนักใจอะไรเลยเพราะเรารู้ความจริงทั้งหมดกรณีการเสียชีวิตของพี่น้องหลายๆคนซึ่งมันเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระกันแต่เนื่องจากพี่ห้างทองเป็นนักการเมืองในขณะนั้นเลยอาจจะเป็นที่สนใจและที่คลางแคลงใจของสังคม 

เมื่อถูกมองว่าเป็นฆาตกร มีปฏิกิริยาจากคนรอบข้างหรือสังคมอย่างไร? ในช่วงแรกค่อนข้างแรงผมทำธุรกิจค้าขายขายปลีกเสื้อผ้าและทองคำก็มีลูกค้าหลายคนไม่เข้าใจและมาแสดงออกผ่านพนักงานขายที่หน้าร้านและต่อว่ารุนแรงว่าเจ้านายคุณเป็นฆาตกรแต่กับตัวเองไม่เคยเจอ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ก็ไม่เป็นไร….ความจริงก็คือความจริง 

สถานการณ์ในครอบครัวตอนนั้นเป็นอย่างไร? เรื่องของผมจบไปจริง ๆ ตั้งแต่ปี 2546 ในคดีความระหว่างพี่น้องตอนนั้นสุดท้ายผมก็ยินยอมขายหุ้นให้น้องฝ่ายหนึ่งหลังจากนั้นเมื่อน้องฝ่ายนั้นเขาไปรวมตัวกันก็เกิดเป็นคดีความใหม่ขึ้นมาที่จบในปี 2557 อันนั้นก็เป็นคดีที่เกิดในกลุ่มของเขากันเอง  

ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ภายในเป็นอย่างไร?  ก็ดีครับจะเห็นได้ว่าในคดีความหลังจากที่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วน้องหลายคนที่เริ่มมีสำนึกแล้วจากที่ปรักปรำกันแต่ก็เข้าใจได้ว่ามันมีนัยยะที่จะดิสเครดิตตัวผมเพื่อที่จะได้ผลประโยชน์ของตัวเองให้มากที่สุดในส่วนของกองมรดกก็ไม่เป็นไร….ความจริงก็คือความจริงผมก็ยืนหยัดต่อสู้มาอย่างโชกโชนแล้ว

เมื่อย้อนไปปี 2559 มีการฟ้องร้องระหว่างเจเนอเรชันที่สามกับสอง นพดลมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการเยียวยาความขัดแย้งครั้งนี้หรือไม่?  ไม่ได้มีส่วนอะไรมากมายแต่เห็นว่าเรามีบทเรียนมากแล้วตักเตือนน้องที่ยังมีความโลภมากอยู่แต่ผลการตักเตือนก็คงไม่ได้เกิดอะไรมากมายเท่าไหร่เข้าใจว่ายังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล

ปัจจุบันยังบริหารตลาดยิ่งเจริญอยู่ไหม?  ตอนนี้ไม่ได้มีบทบาทและไม่ได้ถือหุ้นแล้ว   ออกห่างจากกงสีแล้ว?  ก็ไม่เชิงเพราะตอนนี้เป็นผู้จัดการมรดกของคุณแม่อยู่หลังจากผู้จัดการมรดกของที่คุณแม่ตั้งได้เสียชีวิตไปอะไรไปและจัดการมรดกก็ยังไม่จบสิ้นยังมีทรัพย์สินอื่นๆที่ต้องบริหารอยู่” 

มันก็ยังคงเป็นจุดดำอยู่ในใจตลอดไป

ทุกวันนี้ยังมีบาดแผลจากอดีตอยู่ไหม?   “มันก็ยังคงเป็นจุดดำอยู่ในใจตลอดไปแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อหลังจากคดีความจบสิ้นออกสื่อมวลชนกันเยอะแยะพี่น้องก็เข้ามากราบขอโทษขออภัยกับผมเองในตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ในตระกูลก็ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการอโหสิกรรมให้กับทุกคนและความจริงก็ได้ผ่านการพิสูจน์มาจนสมบูรณ์แบบทุกขั้นตอนแล้ว   

อะไรคือความสุขของนพดล ธรรมวัฒนะ ในวันนี้  การได้เห็นธุรกิจของเรามีความเจริญก้าวหน้าในขณะเดียวกันลูกก็ได้รับการปลูกฝังและดำเนินธุรกิจของตัวเองก็ได้เห็นเขามีการเจริญเติบโตก็มีความสุขแล้ว” 

อยากถูกจดจำในฐานะนักธุรกิจและนักการตลาดมากกว่า 

ถ้าไม่ใช่เรื่องคดีความ อยากให้สังคมจดจำอะไรเกี่ยวกับคนชื่อ ‘นพดล ธรรมวัฒนะ’?  ผมเข้ามาในวงการธุรกิจน่าจะ 40 ปีแล้วที่ผ่านมาได้มีโอกาสสัมผัสกับสื่อในทุกแขนงสื่อสังคมสื่อธุรกิจต่างๆ ผมได้ส่งผลงานเข้าประกวดแผนการตลาดและก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ  ซึ่งในนั้นมีบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย  

นอกจากนี้ก็มีโอกาสได้เข้าไปช่วยสร้างสรรค์ด้านการศึกษาและอะไรต่างๆอีกพอสมควรแต่หลังจากการพลิกผันปี 2542 ที่มีคดีของพี่ห้างทองก็เกิดความเคลือบแคลงใจในสังคมภาพตรงนั้นก็ถูกเปลี่ยนแปลงตอนนั้นสื่อมวลชนก็เสนอข่าวกันเป็นดราม่าซะส่วนใหญ่จริงๆผมอยากถูกจดจำในฐานะนักธุรกิจและนักการตลาดมากกว่าเพราะในตอนนั้นผมคิดว่าผมเป็นคนแรก ๆ ที่เลือกเอา Event Marketing มาใช้มีการเขียนเป็นทฤษฎีเลยในเรื่องนี้

แบมือขอความยุติธรรมจากใครไม่ได้

จากเหตุการณ์ในชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาตกผลึกอะไรไปสอนลูกสอนหลานบ้าง?  “ถ้าในเรื่องครอบครัว ความเป็นพี่น้องกัน รักกัน สมานสามัคคีกัน เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พึงปราถนาของพ่อแม่ทุกคน ถ้าพี่น้องรักสามัคคีกัน เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่อาจคืบคลานเข้ามาได้”

บทเรียนอีกส่วนหนึ่งคือหลังจากที่ผ่านกระบวนการยุติธรรมต่างๆมาเราก็เห็นช่องว่างในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเราอยู่เยอะมากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมมีการถูกปรักปรำโดยการสร้างหลักฐานเท็จต่างๆขึ้นมา ผมถือว่าตัวผมเองมีศักยภาพในการสู้ซึ่งการสู้ของผมตอนนั้นถึงกับต้องไปเรียนวิชากฎหมายด้วยตัวเองในการสู้คดีนี้  จะไปแบมือขอความยุติธรรมจากใครไม่ได้เลย มีค่าใช้จ่ายมีอะไรต่าง ๆ เยอะแยะมากเลยทีเดียวมานึกถึงว่าคนธรรมดาที่เขาไม่มีศักยภาพจะไปร้องเรียกขอความยุติธรรมได้จากที่ไหนและคดีของผมผมคิดว่าน่าจะเป็นกรณีตัวอย่างที่สำคัญเพราะมีการใช้กระบวนการพิสูจน์ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์เป็นคดีแรก ๆ ในประเทศไทยและใช้นักนิติวิทยาศาสตร์มือหนึ่งในระดับโลกผ่านมาหลายปีแล้วจะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์และให้ความเห็นที่ผิดพลาดจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังมีอีกหลายคดีแม้กระทั่งคดีปัจจุบันที่ผ่านมาเช่นในคดีที่มีคนตกจากรถแล้วอ้างว่าเป็นคดีฆาตกรรมซึ่งสอดคล้องกันเลยสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่ากระบวนการยุติธรรมและการให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีความรู้ความชำนาญที่แท้จริงจะเกิดผลร้ายกับประชาชนเป็นอย่างมาก

ความเห็น 43
  • pilot guide
    ใครฆ่ารู้อยู่แก่ใจครับ
    08 พ.ย. 2561 เวลา 11.46 น.
  • ตระกูลคุณทำอะไรไว้ละครับ อย่างน้อยๆพ่อผมก็เคยโดนกระทำจากตระกูลคุณ งวดสุดท้ายของบ้านที่สร้างคุณได้จ่ายไหม? พวกคุณรู้ดี
    08 พ.ย. 2561 เวลา 13.01 น.
  • สุกิติ์
    อีกไม่นานก็ตายแล้ว จะเอาอะไรไปได้
    08 พ.ย. 2561 เวลา 11.53 น.
  • ชายโจ
    ใครฆ่าประเสริฐครับ?
    08 พ.ย. 2561 เวลา 11.57 น.
  • ฐกฤต
    มึงนั้นแหละคนโลภ ที่พี่น้องแย่งเงิน เวรกรรมจะตกที่หลานมึงตายโหงจำไว้
    08 พ.ย. 2561 เวลา 11.49 น.
ดูทั้งหมด