ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ก.พ.66) ราคาหุ้น บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ณ เวลา 10:51 น. อยู่ที่ระดับ 1.99 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 4.74% สูงสุดที่ระดับ 2.02 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.92 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.14 ล้านบาท
รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2565 ดังนี้
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) ของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 51.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32.52 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 707.60 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 572.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.52% โดยมีรายได้และกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2561
ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 115 ล้านบาท เติบโตถึง 27% สำหรับปัจจัยที่ผลักดันให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับอานิสงส์จากการขนส่งสินค้าทุกประเภททั้งซีเมนต์ คอนกรีต สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการขยายงานของบริษัทฯ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานปี 2565 ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายปันผล ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลประมาณ 22 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 พร้อมกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เมษายน 2566 โดยการใช้สิทธิดังกล่าวต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เมษายน 2566 นี้
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่สามารถเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ซึ่ง MENA มีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนขยายกองยานความพร้อมด้านการให้บริการขนส่งและบุคลากรในสายงานขนส่งที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายงานและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นงานขนส่งแบบใหม่
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีจุดแข็งจากการมีสัดส่วนขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จอยู่ที่ 10% ของ Market share ทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในปีนี้ และยังมีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแผนสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจ MENA ยังไม่รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็มลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่คาดว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน มีพนักงานรวมกว่า 780 คนโดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 820 คันภายในสิ้นปีนี้
“ด้วยศักยภาพของ MENA ที่มุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงการควบคุมคุณภาพบริการขนส่ง ควบคู่กับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้เป็นผู้ให้บริการด้านงานขนส่งเบอร์ต้นๆ ของประเทศ และมีฐานลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไว้วางใจใช้บริการ และวันนี้ เราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกซ์เซอร์ แต่กำลังขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะนำมาซึ่งการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น” นางสุวรรณา กล่าว**