หลังจากผ่านมรสุมใหญ่หลายลูกในช่วงที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการเสพข่าวผ่าน Facebook ล่าสุด มีรายงานผลสำรวจชิ้นหนึ่งน่าสนใจ โดยชี้ชัดว่า Facebook เริ่มไม่ใช่ช่องทางหลักในการรับรู้ข่าวสารของผู้คนแล้ว
- *ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับคนทำข่าวที่ใช้ Facebook เป็นฐานหลักในการสื่อสารกับผู้อ่านของตน *
- เพราะนี่คือยุคตกต่ำของ Facebook สำหรับคนทำข่าว
“ในหลายประเทศทั่วโลก ผู้คนเริ่มเสพข่าวผ่าน Facebook น้อยลง” หนึ่งในข้อความที่กลุ่มผู้สำรวจวิจัยสรุปให้เห็นภาพไว้อย่างชัดเจน
รายงานการสำรวจที่ว่านี้คือ Reuters Institute Digital News Report 2018 รายงานชิ้นนี้เป็นความร่วมมือกันของ The Reuters Institute และ University of Oxford โดยทำการสำรวจผู้คนที่เสพข่าวผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 74,000 คนใน 37 ประเทศทั่วโลก ทั้งฝั่งยุโรป แถบอเมริกาเหนือ-ใต้ และเอเชียแปซิฟิก แต่ไม่มีประเทศไทย
ที่ชัดที่สุดคือ ผู้คนเริ่มเสพข่าวผ่าน Facebook น้อยลง
ทีมผู้วิจัยทำการสำรวจการเสพข่าวของกลุ่มตัวอย่างจากประเทศต่างๆ ในรอบ 7 ปี พบว่า ในหลายประเทศทั่วโลก ผู้คนเริ่มเสพข่าวผ่าน Facebook น้อยลง หรือในบางประเทศก็มีอัตราการเติบโตที่หยุดชะงักไปเลย
ยกตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีผู้คนเพียง 39% เท่านั้นที่ยังเสพข่าวผ่าน Facebook เป็นช่องทางหลักในปี 2018 เป็นอัตราที่ลดลงถึง 9% จากปี 2017 มากกว่านั้น กลุ่มคนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกามีอัตราการเสพข่าวผ่าน Facebook ที่ลดน้อยลงถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกประเทศที่อัตราการเสพข่าวผ่าน Facebook จะตกต่ำลงทั้งหมด เพราะมีบางประเทศที่ผู้คนยังใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักในการเสพข่าวอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ในมาเลเซียและสาธารณรัฐเช็ก ผลวิจัยพบว่า ผู้คนใน 2 ประเทศนี้ยังคงเสพข่าวผ่าน Facebook ในอัตราที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เจอข่าวใน Facebook ส่งต่อไปแอพแชทเพื่อถกเถียงพูดคุย
ทีมผู้วิจัยพบว่า ผู้คนที่ยังเสพข่าวผ่าน Facebook ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา) แม้จะใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักในการรับรู้ข่าวสาร แต่เมื่อต้องแสดงความเห็นมักจะส่งต่อไปยังแอพพลิเคชั่นสำหรับแชท เช่น WhatsApp มากกว่าที่จะพิมพ์ตอบโต้ในช่องแสดงความคิดเห็นบน Facebook
- แน่นอนว่า เหตุผลหลักๆ มาจากความรู้สึก “เป็นส่วนตัว” มากกว่า
- ผู้ให้สัมภาษณ์คนหนึ่งถึงกับบอกว่า แม้ว่าจะแชร์ในแอพ Messenger ของ Facebook ได้ แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากนัก
ข้อมูล – Niemanlab
𝙽𝚞𝓃𝚎 เราไม่ชอบระบบ AI ของเฟซบุ๊คเอามากๆเลยค่ะ
มันเหมือนจับตาดูเราอยู่ตลอดเวลา มันจำหน้าเราได้ด้วย มันรู้ว่าเราเป็นใคร
ก็เลยใช้วิธีเปิดแอคเคาท์สำหรับเป็นกลุ่มๆไป เพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์คนรู้จักเอาไว้บ้าง แต่จะไม่ใส่ข้อมูลส่วนตัวเอาไว้มาก แล้วอีกอย่างนึงเวลาเม้นต์อะไรควรจะใช้อวตารนะเฟซเนี่ย กดไลค์กดแชร์ติดคุกกันไปกี่คนแล้ว
หลังๆ เรามักจะใช้ไลน์ทำไดอารี่มากกว่า ง่ายกว่า รู้สึกส่วนตัวกว่า สนุกดี ไว้เวลาแก่ๆจะกลับมาอ่าน
17 มิ.ย. 2561 เวลา 03.52 น.
Y0S + แอป อันตรายใครจะเล่น เก็บข้อ สอดแนม และอีกหลายรูปแบบที่ยังไม่ได้ถูกตีแผ่ให้คนทั่วไปได้รู้
17 มิ.ย. 2561 เวลา 04.28 น.
Kanitta (Tak) 🎆 มีแต่ข่าวเท็จ โกหก Fake news เต็มไปหมด
17 มิ.ย. 2561 เวลา 10.00 น.
noeng Fakebook น่าจะเหมาะสมกว่า
17 มิ.ย. 2561 เวลา 07.29 น.
TITLE Facebook พลาดครั้งใหญ่ตรงที่สร้างระบบ AI ความปลอดภัยบางอย่างเสียความเป็นโปรแกรมไป แถมระยะหลังข้อมูลรั่วไหล บางครั้งระบบมีความผิดพลาดมากขึ้น หลังจากนั้นก็เริ่มตกลงเรื่อยๆ หลังจากมี User ผู้ใช้หลักพันล้าน เสียแชมป์ถึงขนาดว่า เดิมทีมีโครงการใหญ่จะซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอด Premier League แต่กลับกลายเป็น Amazon ได้สิทธิ์ซื้อไปบางส่วน ถ่ายทอดระบบ Stream ถึง 3 ฤดูกาลเลย ตรงนี้ Amazon กุมความได้เปรียบแล้วในตอนนี้
17 มิ.ย. 2561 เวลา 06.24 น.
ดูทั้งหมด