ทั่วไป

“ถ้ำหลวง” ธรรมชาติ? ประมาท? อาถรรพ์?

TheHippoThai.com
เผยแพร่ 26 มิ.ย. 2561 เวลา 11.00 น.

“ถ้ำหลวง” ธรรมชาติ? ประมาท? อาถรรพ์?

ช่วงนี้มีข่าวหลากหลายเป็นกระแสกระจายอยู่ในคลื่นคอนเทนต์ที่มีเกลื่อนหน้าฟีด แต่ข่าวหนึ่งที่ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ตั้งแต่ได้ยินข่าวครั้งแรกก็คือข่าวที่มีนักฟุตบอลรุ่นเยาว์จำนวน 12 คนกับโค้ช รวมเป็น 13 คนหายตัวไปใน "ถ้ำหลวง" จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 2 วันแล้วที่ยังไม่เจอตัว แม้ว่าเจ้าหน้าที่ประดาน้ำและหน่วยซีลจะดำเนินการกันอย่างแข็งขัน ภายในถ้ำพบเพียงรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ และรอยนิ้วมือบนผนังถ้ำเท่านั้น อย่างไรก็ดีการค้นหาผู้สูญหายก็ยังดำเนินต่อไปด้วยความหวังว่าทั้ง 13 ชีวิตยังอยู่รอดปลอดภัยเป็นอย่างดี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อพูดถึง "ถ้ำหลวง" หลายคนอาจจะเพิ่งมารู้จักตอนที่เป็นข่าวนี้ ทั้งที่จริงแล้วถ้ำหลวงก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ชาวเชียงรายรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะถ้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่

คำว่า "หลวง" นี้ หากเราเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เรามักจะคุ้นเคยกับความหมายว่า "ที่เป็นของพระมหากษัตริย์" เช่น วังหลวง งานหลวง ราชยานยนต์หลวง แต่ถ้าเป็นความหมายในถิ่นเหนือ "หลวง" จะแปลว่าใหญ่ครับ เช่น ตลาดวโรรสในจังหวัดเชียงใหม่ มีอีกชื่อหนึ่งว่า "กาดหลวง" ก็จะแปลว่าตลาดใหญ่ (Big market) ไม่ได้แปลว่าตลาดของพระมหากษัตริย์ (Royal market) แต่อย่างใด หรือดอยหลวงเชียงดาว ก็หมายถึง ภูเขาใหญ่ ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ "ถ้ำหลวง" ที่เป็นข่าวในขณะนี้ก็หมายถึง "ถ้ำใหญ่" นั่นเองครับ ถ้ามีคำว่าหลวงอยู่ในชื่อขนาดนี้ ก็แปลว่า ถ้ำนี้ต้องใหญ่มากจริง ๆ ครับ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในเว็บไซต์สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ระบุข้อมูลไว้ว่า ถ้ำหลวงเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้างมาก หากเข้าไปภายในถ้ำก็จะพบกับความงามของเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด ทั้งยังระบุอีกด้วยว่า "…ถ้ำหลวงยังรอคอยความท้าทายการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลาเพราะสำรวจไปได้ไม่ถึงที่หมายก็ต้องล่าถอยออกมา ด้วยพบกับอุปสรรคความยากลำบากภายในถ้ำและยังมีถ้ำเล็ก ๆ อีก 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน…"

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากข่าวที่เกิดขึ้น มีข้อมูลว่าก่อนหน้านี้คณะนักฟุตบอลเยาวชนดังกล่าวเคยเข้าไปสำรวจภายในถ้ำแล้ว จึงเป็นไปได้ว่าครั้งนี้ก็ได้เข้าไปสำรวจถ้ำอีกเช่นเคย และอาจจะเดินลึกเข้าไปกว่าเดิม แต่เมื่อฝนตก น้ำหลากเข้าไปในถ้ำ ทำให้อาจจะไม่สามารถเดินออกมาจากถ้ำได้ เพราะมีน้ำลึกขวางทางอยู่ 

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเป็นเพราะการจัดการดูแลที่ยังไม่เข้มงวดมากนัก ดังข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์สำนักงานนโยบายฯ​ ที่ระบุว่า หากนักท่องเที่ยวประสงค์จะเดินเที่ยวเอง ทางเจ้าหน้าที่ก็อนุญาต เพราะเจ้าหน้าที่มีน้อย แต่อย่างไรก็ดี หากนักท่องเที่ยวต้องการคนนำทาง เจ้าหน้าที่ก็จะประสานกับชาวบ้านให้มาเป็นไกด์ท้องถิ่น

ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่าถ้ำหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีตำนานเรื่องดอยนางนอนเล่าว่ามีองค์หญิงแห่งเมืองเชียงรุ้งลอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวังจึงหนีตามกันออกมา เมื่อถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง ชายเลี้ยงม้าก็ออกไปหาพระกระยาหารมาให้องค์หญิงเสวย แต่ชายเลี้ยงม้ากลับถูกปลิดชีพด้วยฝีมือทหารของพระราชบิดา องค์หญิงจึงใช้ปิ่นปักผมแทงพระเศียรจนพระโลหิตไหลออกมาและพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ในที่สุด สายพระโลหิตกลายมาเป็นแม่น้ำแม่สายหล่อเลี้ยงพี่น้องภาคเหนือตอนบนมาจนถึงทุกวันนี้ และร่างของพระองค์ก็นอนเหยียดยาวกลายเป็น "ดอยนางนอน" อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

แน่นอนว่าแม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอจะพิสูจน์ความเป็นไปได้ว่ากลุ่มนักฟุตบอลและโค้ชน่าจะติดอยู่ในถ้ำ แต่เรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติก็ยังอยู่คู่กับแนวคิดของคนไทยไม่น้อย เพราะเมื่อพูดถึงถ้ำแล้ว ด้วยความเป็นสถานที่ลึกลับ จึงมีเรื่องเล่ามากมายทำนองว่าถ้ำคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เทพ วิญญาณ พญานาค หรืออะไรก็แล้วแต่ หากจะเข้าไปต้องทำพิธีขออนุญาตและต้องมีกิริยาสำรวมตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในถ้ำด้วย 

แม้ว่าจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร แต่คำที่ว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" ก็อาจจะยังคงใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ 

อย่างกรณีของ "ถ้ำหลวง" แห่งนี้เอง ประชาชนในพื้นที่ก็เล่าว่าเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวหายไปในถ้ำหลวงนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีนักท่องเที่ยวฝรั่งเศสหายไปในถ้ำ ต้องใช้เวลาหากว่า 3 วัน หรือเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็มีนักท่องเที่ยวหายไปเช่นกัน ต้องใช้เวลาตามหากว่า 7 วัน ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย 

มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นคนในพื้นที่ก็เคยเล่าว่าเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนม.ต้น ก็ได้เคยเข้าไปสำรวจในถ้ำนี้กับกลุ่มเพื่อนและนักท่องเที่ยวอื่นด้วย เขาและกลุ่มเพื่อนก็หลงทางอยู่ในถ้ำหลวงเหมือนกัน แต่ก็มุดเข้ามุดออกจนเจอทางออก ส่วนนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปพร้อมกันนั้นหายไปไหนก็ไม่ทราบ ไม่ออกมาจากถ้ำอีกเลย 

เหตุการณ์ที่นักฟุตบอลกลุ่มนี้พร้อมโค้ชหายเข้าไปในถ้ำนี้เป็นเหตุสุดวิสัย เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเป็นแน่ แต่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องนำกลับมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ รวมทั้งให้ความรู้ที่ถูกต้องสำหรับการปฏิบัติตัวเพื่อเอาตัวรอดในภาวะฉุกเฉิน และที่สำคัญคือต้องรู้จักคัดกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในขณะที่ทุกคนพร้อมทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชน อยากโพสต์อะไรก็ทำได้ไม่ยาก และคนก็พร้อมจะแชร์ต่อเช่นกัน ถ้าเป็นข้อมูลจริงและเป็นประโยชน์ก็ดีไป แต่บางข้อมูลก็เป็นข้อมูลเท็จที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ วิจารณญาณจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ตอนนี้การค้นหายังคงดำเนินไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม ในฐานะผู้เฝ้าดูก็ทำได้เพียงให้กำลังใจเท่านั้น และหวังว่าทุกชีวิตจะกลับออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย

 

 

อ้างอิง
www.onep.go.th

ความเห็น 119
  • หมื่นโลกธาตุมีจริง เพียงแค่ตาเนื้อเรามองไม่เห็น เมืองลับแลมีจริง ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าไปถึง ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกธาตุ อย่ามองข้ามพลังธรรมชาติ
    26 มิ.ย. 2561 เวลา 11.48 น.
  • 😜┄┅═दই﴾ ∫რઈ ﴿ইद═┅┄😜
    ผมว่าคงไม่ใช่อาถรรพ์หรอก แต่เป็นเพราะธรรมชาติ และความยาวของตัวถ้ำ ประกอบกับปริมาณน้ำดันสูงขึ้นเรื่อย เด็กทั้ง 13 คนเลยต้องเดินลึกเข้าในถ้ำ เพราะกลับทางเดิมไม่ได้ เพื่อให้พ้นระดับน้ำ และเผื่อเจอทางออกใหม่
    26 มิ.ย. 2561 เวลา 11.16 น.
  • โบตั๋น
    ขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน หน่วยซีลทุกท่านทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง คุ้มครองดูแลเด็กๆ และโค้ช รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ขอให้ปลอดภัยกลับมานะคะ
    26 มิ.ย. 2561 เวลา 12.08 น.
  • ป้าไก่
    คนรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ เรื่องเหนือธรรมชาติ เพราะงั้น ใช้วิธีมนุษยช่วยมนุษย อย่าไปพาดพิงถึงสิ่งเหนือ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อไม่จำเป็นต้องพูดพาดพิง
    26 มิ.ย. 2561 เวลา 12.23 น.
  • JIPPY
    อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกกลมๆใบนี้
    26 มิ.ย. 2561 เวลา 11.22 น.
ดูทั้งหมด