ทั่วไป

หนุ่ม กทม.พลิกชีวิตทำเกษตรอินทรีย์ปลดหนี้ 50 ล้าน

new18
อัพเดต 31 ม.ค. 2561 เวลา 12.11 น. • เผยแพร่ 31 ม.ค. 2561 เวลา 12.00 น. • new18
หนุ่มนิเทศศาสตร์ จาก กทม. ชีวิตผกผันจากการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นหนี้กว่า 50 ล้านบาท มุ่งหน้าสู่วังน้ำเขียว รวมกลุ่มเกษตรกร สร้างงานสร้างคน ปลดหนี้กว่า 40 ล้านบาท

หนุ่มนิเทศศาสตร์ จาก กทม. ชีวิตผกผันจากการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นหนี้กว่า 50 ล้านบาท มุ่งหน้าสู่วังน้ำเขียว รวมกลุ่มเกษตรกร ทำเกษตรอินทรีย์ สร้างงานสร้างคน ปลดหนี้กว่า 40 ล้านบาท

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หากจะกล่าวถึง “วังน้ำเขียว” ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองโคราช หรือ จ.นครราชสีมา ระยะทางห่างจาก กทม.ประมาณกว่า 200 กม. ผู้คนจะรู้กันอย่างดีในสถานที่ที่มี “โอโซน” ติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก จนมีสมญานามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน"

อีกมุมหนึ่งของ “วังน้ำเขียว” ด้านเกษตรกรรม สร้างรายได้และสร้างความประทับใจในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มแบบเกษตรอินทรีย์ ที่ชาวเกษตรกรวังน้ำเขียว ได้รวมกลุ่มกันผลิตจนสร้างรายได้แบบพอเพียง ตามแนวทางหลักปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ 9 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คุณปกรณ์ เตชสิทธิ์วรโชติ ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ วังน้ำเขียว อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้นำชาวเกษตรกรวังน้ำเขียว เล่าว่า จบการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ เป็นชาวดอนเมือง กทม. เมื่อปี 2551 ได้ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว แต่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและอุทกภัย จนทำให้ธุรกิจเสียหาย เป็นหนี้กว่า 50 ล้านบาท จึงได้ตัดสินใจพักกายพักใจไปบวชที่ จ.กาญจนบุรี เรียนรู้ธรรมะ แล้วได้เกิดแรงบันดาลใจว่าควรจะหันไปมองด้านเกษตรแบบวิถีชีวิตแบบพอเพียง ที่ชาวเกษตรกรยังคงรอให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความรู้และนำการผลิตด้านเกษตรกรสู่ไทยแลนด์ 4.0 หลังจากการบวช เมื่อปี 2555 จึงได้เดินทางมุ่งสู่ “วังน้ำเขียว” ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยเดินทางไปเที่ยวและประทับใจบรรยากาศ พร้อมทั้งได้เคยพูดคุยกับชาวบ้านวังน้ำเขียว อย่างประทับใจมาก่อนหน้านี้

ผมได้เดินทางมาอยู่กับชาวบ้านวังน้ำเขียว เมื่อปี 2556 โดยการเริ่มต้นทำเกษตรพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ประมาณ 2 ปี จึงเกิดความรู้สึกว่านี่ล่ะคือตัวตนของเรา จากนั้นหลังจากการทำเกษตรแบบพอเพียงสู่การทำธุรกิจเกษตรที่ยังยึดหลักทฤษฎีของพ่อหลวงและหลังธรรมะ ในการดำเนินชีวิตควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ จนปัจจุบัน ได้ใช้หนี้ที่เคยมีมาไปกว่า 40 ล้านบาทแล้ว และได้แปรรูปผลิตผลทางการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการทำตลาดแบบอีคอมเมิร์ช และจำหน่ายสินค้าผ่านช็อป ออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ “โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว” และ “กลุ่มเกษตรอินทรีย์ วังน้ำเขียว” ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันแต่ไม่ย่ำอยู่กับที่ ขยับตัวไปตามกาลเวลาที่เปลี่ย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ด้าน คุณปิ่น เบียดกลาง ผอ.กลุ่มเกษตรอินทรีย์ โรงเรียนเกษตรกร วังน้ำเขียว เล่าว่า จากแนวของการทำเกษตรกรรมแบบเดิมๆ ก็หาตลาดจำหน่ายที่ค่อนข้างยาก เมื่อมาเจอแนวคิดของคุณปกรณ์ เตชสิทธิ์วรโชติ ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ วังน้ำเขียว ที่มีแนวคิดด้านการตลาดใหม่ เราจึงได้รวมกลุ่มกันเป็นโรงเรียนเกษตรกรรมวังน้ำเขียว โดยมีสมาชิก 24 คน รวมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ และด้านการตลาดศึกษาถึงความต้องการของลูกค้า ภายใต้พื้นที่เกษตร 12 ไร่ ในระยะเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมาได้ลองผิดลองถูก ต่อมาพบว่าการทำการเกษตรต้องครบวงจรอย่างพอเพียง หมายถึง การเริ่มปลูก การเก็บเกี่ยว การแปรรูป และการจำหน่าย เราต้องเอาใจใส่ให้ครบทุกขั้นตอน ปรากฏว่าสิ่งที่เราเริ่มทำเป็นผลสำเร็จ จึงได้แชร์ไปยังกลุ่มสื่อโซเซียลต่างๆ ปรากฏว่ามีผู้คนสนใจติดต่อมาขอศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก ทั้งกลุ่มนักศึกษา กลุ่มเกษตรกร และนักท่องเที่ยวที่มาเป็นการส่วนตัว พร้อมกันนี้ ทาง รร.เกษตรกรรมวังน้ำเขียว ได้ผลิตสินค้าแปรรูปไว้จำหน่ายให้กับผู้มาเยี่ยมเยือน อย่างเช่น ข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวโบราณ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ แยมเสาวรส แก่นตะวัน ผักสลัดสด รวมทั้งผักพื้นบ้านอีกจำนวนมาก และผลิตภัณฑ์จากกาแฟ ได้แก่ เมล็ดกาแฟคั่วจากโรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นเครือข่ายของสมาชิกกลุ่มเกษตรกร ที่ได้ปลูกแล้วนำสินค้ามาเข้าโรงคั่ว นอกจากขายกาแฟชงสดๆ แล้วยังนำไปแปรรูปเป็น สบู่กาแฟชนิดก้อนและชนิดเหลว ยาสระผม ยานวดผม เป็นการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกเกษตรกรของเราเป็นจำนวนมาก และคาดไม่ถึงว่าระยะ 4 เดือนที่ผ่านมามีผู้ตอบรับเป็นจำนวนมาก สมาชิกเราภูมิใจที่นำการผลิตด้านเกษตรกรก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้เป็นผลสำเร็จ

ผู้สนใจติดต่อได้ที่กลุ่มเกษตรอินทรีย์ วังน้ำเขียว โรงเรียนเกษตรกร วังน้ำเขียว หรือ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว เลขที่ 181 หมู่ที่ 2 บ้านสุขสมบูรณ์ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 30370 โทร. 089-0546619 (คุณปกรณ์ )

ดูข่าวต้นฉบับ