ทั่วไป

"สมาคมทนายความ" แย้ง ป.ป.ช.ปม "นาฬิกาหรู" ชี้ทำลายบรรทัดฐาน จริยธรรมทางกฎหมาย

คมชัดลึกออนไลน์
อัพเดต 01 มิ.ย. 2563 เวลา 04.00 น. • เผยแพร่ 01 มิ.ย. 2563 เวลา 03.50 น.

1 มิ.ย.63 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์  นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับคำชี้แจงของ ป.ป.ช. ต่อกรณี "นาฬิกายืมเพื่อน" ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า 
 

สืบเนื่องกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้พิจารณาและมีความเห็นกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่มีความผิดในการที่ไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับปัญหานาฬิกาหรูที่ยืมเพื่อนมา โดยให้เหตุผลว่าเป็นการยืมใช้คงรูปตาม ป.พ.พ. มาตรา 640 ดังที่ปรากฏเป็นข่าวและได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย มีความเห็นขัดแย้งกับความเห็นดังกล่าวของ ป.ป.ช. อย่างสิ้นเชิงและสมาคมทนายความฯ ยังคงยืนยันในความเห็นเรื่องการยืมนาฬิกาหรูที่ยืมเพื่อนมาว่า บุคคลผู้ครอบครองนาฬิกาจำเป็นจะต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามข้อกำหนดของ ป.ป.ช. ทุกอย่างโดยเคร่งครัด ด้วยเหตุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเรื่องการป้องกันการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมีหน้าที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินในความครอบครองของตนโดยละเอียดซึ่งถือเป็นเครื่องมือขั้นตอนแรกในการป้องกันการทุจริต ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะได้มาและเข้าครอบครองทรัพย์สินที่ได้มาด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม บุคคลผู้ครอบครองทรัพย์สินมีหน้าที่และต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหล่านั้นต่อ ป.ป.ช.โดยละเอียด กรณียืมนาฬิกาหรูเพื่อนมาอยู่ในครอบครองและเพื่อประโยชน์ของตนเอง จากข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่าผู้ครอบครองได้ครอบครองนาฬิกาหรูมีจำนวนเรือนและมูลค่ามหาศาล จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ครอบครองนาฬิกาเหล่านั้นต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินตามข้อกำหนดต่อป.ป.ช.โดยเคร่งครัด สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า ป.ป.ช. ควรออกข้อกำหนดให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินประเภทที่ยืมมาทุกประเภททุกชนิด แจ้งรายละเอียดของประเภทและที่มาของทรัพย์นั้นๆ เพื่อเป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิของผู้ครอบครองว่ามิได้มีเจตนาปกปิดซ้อนเร้นทรัพย์นั้นแต่อย่างใด ซึ่งความเห็นของ ป.ป.ช. ในเรื่องทรัพย์ที่ยืมมาไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นความเห็นที่ขัดกับหลักการและตรรกะในทางกฎหมายในกระบวนการป้องกันการทุจริตอย่างสิ้นเชิง

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่ามาตรฐานของ ป.ป.ช.ในการแสดงความเห็นในเรื่องนี้ไม่ว่าป.ป.ช.จะหาเหตุผลต่างๆทางกฎหมายมาเพื่ออธิบายรองรับและสนับสนุน เพื่อให้กรณีดังกล่าวเกิดความชอบธรรมทางกฎหมายนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นในการตีความทางกฎหมายที่บิดเบี้ยวอันนำไปสู่การทำลายบรรทัดฐานและจริยธรรมทางกฎหมายและระบบการตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากอาจจะเป็นการเปิดช่องทางการทุจริตให้กับนักการเมืองและข้าราชการทุจริตสามารถรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงได้อย่างถูกต้องและเป็นการรองรับให้การกระทำการทุจริตให้กลับมาถูกต้องตามกฎหมาย เพียงข้อแก้ตัวง่ายๆว่า “ยืมเพื่อนมา” และข้อกฎหมายที่สนับสนุนให้ตนเองพ้นผิดคือ “ยืมใช้คงรูป” ทุกอย่างก็จบและการได้มาก็ถูกต้องตามกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์
นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย
1 มิถุนายน 2563

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

                                                 

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

                                        

 

 

                                           

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 392
  • เพียงใจ
    ปราบทุจริต แต่ทำซะเอง รัฐบาลชุดนี้ เฮงซวยที่สุด อุบาทที่สุด โกงมากที่สุด เจ็บใจที่ทำอะไรพวกนี้ไม่ได้ ชั่วเอ้ย
    01 มิ.ย. 2563 เวลา 04.58 น.
  • Oh.
    พังหมดแล้ว
    01 มิ.ย. 2563 เวลา 04.47 น.
  • ong.apiwat
    มันไม่ได้อยู่ที่ปปช.หรอกมันขึ้นอยู่กับไอ้อ้วนมันจะยังไง​ ทั้งหน้าด้านแล้วก็บีบปปช.ให้เลี่ยงกฏหมาย
    01 มิ.ย. 2563 เวลา 04.56 น.
  • Wichit.Siri
    เห็นด้วยกับทนายความ👍👍👍👍👍👍
    01 มิ.ย. 2563 เวลา 04.53 น.
  • GREE'36
    อยุติธรรมครับสมควรมีการถ่วงดุลอำนาจของ ปปช.ครับ
    01 มิ.ย. 2563 เวลา 04.52 น.
ดูทั้งหมด