ทั่วไป

ต่างประเทศ : เดลี กับการล็อกดาวน์ที่สูญเปล่า ในวันที่โควิดกลับมาอีกครั้ง

มติชนสุดสัปดาห์
อัพเดต 07 ก.ค. 2563 เวลา 03.12 น. • เผยแพร่ 07 ก.ค. 2563 เวลา 03.12 น.

“เดลี” นครอันเป็นที่ตั้งของ “กรุงนิวเดลี” เมืองหลวงของประเทศอินเดีย กำลังเผชิญกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครั้งใหญ่ และกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการแพร่ระบาดที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียในตอนนี้

ขณะเขียนบทความชิ้นนี้ เดลีมีผู้ป่วยโควิด-19 แล้วกว่า 77,000 ราย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ อินเดียได้ประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศเป็นเวลากว่า 2 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่มีประชากรอยู่ถึงกว่า 1,300 ล้านคน!!

การกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้งในอินเดีย ทำให้การล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ดูเป็นการ “สูญเปล่า”

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อปารนา อัลลูรี ผู้สื่อข่าวของบีบีซี อธิบายเหตุที่อินเดีย “พลาดโอกาส” ในการควบคุมโควิด-19 เอาไว้ในช่วงล็อกดาวน์ว่า เป็นเพราะขาดซึ่งการติดตาม การเข้าถึงระบบ ระบบสาธารณสุขภาคเอกชนที่ย่ำแย่ หรือขาดการประสานงานที่ดี และความขัดแย้งด้านการเมืองที่นำไปสู่จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่เมืองที่เล็กกว่าเดลีนั้น กลับประสบความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ได้ดีกว่า

อย่างที่เมืองบังกาลอร์ เมืองทางตอนใต้ของอินเดีย ได้รับการยกย่องในเรื่องความพยายามติดตามผู้ป่วย จนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดเอาไว้ได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หรือที่เมืองเจนไน ก็มีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ไม่มาก แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่เมืองมุมไบ เมืองหลวงแห่งธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากไวรัสเช่นกัน แต่ก็มีตัวเลขของจำนวนผู้ป่วย และความสามารถของโรงพยาบาลในการรองรับจำนวนผู้ป่วยน้อยกว่าเดลี

ทั้งที่เดลี นายอาร์วินด์ เคจรีวาล จากพรรคแอมอัดมี (เอเอพี) เป็นผู้ว่าการเมืองเดลี ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยนโยบายการสนับสนุนบริการสาธารณสุขที่เข้มแข็ง

เช่นนั้นแล้ว เกิดอะไรผิดพลาดขึ้น??

 

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในเดลีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่เข้าสู่เดือนมิถุนายน โดยเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว มีผู้ป่วยแล้วมากกว่า 50,000 ราย

เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอัตราการทดสอบเพื่อตรวจหาเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น จากชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในแอนติเจน ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ ซึ่งทำให้การตรวจหาเชื้อได้เร็วมากขึ้น เพียงครึ่งชั่วโมงก็ได้ให้ผลในการตรวจสอบแล้ว

ศาสตราจารย์เค ศรีนาถ เรดดี ประธานมูลนิธิสาธารณสุขแห่งอินเดีย และสมาชิกของคณะทำงานด้านโควิด-19 แห่งชาติ เปิดเผยกับบีบีซีว่า การทดสอบไม่ใช่การแก้ปัญหาทุกอย่าง และว่า แน่นอนว่าจะต้องมีการทดสอบ แต่จะต้องทดสอบอย่างมีเหตุผล อาศัยดูจากอาการและเงื่อนไขอื่นๆ ที่ชัดเจน สิ่งสำคัญคือการตามหาตัวผู้ติดเชื้อให้ได้เร็วที่สุด และการตามหาตัวคนที่มีโอกาสที่จะติดเชื้อ หรือคอนแทกต์ เทรซซิ่ง อย่างละเอียดถี่ถ้วน

ตัวเลขจากสภาวิจัยการแพทย์อินเดีย (ไอซีเอ็มอาร์) พบว่าในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน อินเดียมีค่าเฉลี่ยในการตรวจสอบผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อ 20 รายจากผู้ยืนยันการติดเชื้อ 1 ราย เปรียบเทียบกับในรัฐกรณาฏกะ มีค่าเฉลี่ยที่ 93 ราย ส่วนเดลีมีสัดส่วนแค่ 9 ราย!!

 

มาลีนี ไอโซลา สมาชิกกลุ่มเครือข่ายออล อินเดีย ดรั๊ก แอ๊กชั่น เน็ตเวิร์ก บอกว่า เท่าที่รู้มาคือมีหลายครอบครัวที่ไม่มีการถูกตรวจสอบ หลังจากพบว่ามีสมาชิกในครอบครัวมีผลเป็นบวก หลายๆ เคส สมาชิกในครอบครัวไม่ถูกตรวจสอบเป็นเวลาหลายวันหลังพบในครอบครัวติดเชื้อ ยกเว้นจะมีการร้องขออย่างแรงกล้าไปยังรัฐบาลให้เข้าไปตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางการเดลีเองมีการประกาศใช้มาตรการการตรวจที่เข้มข้นขึ้น รวมถึงการตรวจตามบ้านทีละหลัง ในเมืองที่มีประชากรถึง 29 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตรวจจาก 26,000 คนจากทั่วเมือง และการใช้โดรนรวมถึงตำรวจคอยควบคุมมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างบอกว่า สิ่งเหล่านี้จริงๆ ควรจะทำตั้งแต่ต้นๆ แล้วในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ไม่ใช่มาทำหลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปแล้วอย่างนี้

 

นอกจากนี้ อีกประเด็นสำคัญที่ทำให้โควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง คือการที่รัฐบาลขาดการประสานงานร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งศาสตราจารย์เรดดีบอกว่า รัฐบาลควรจะร่วมมือให้มากขึ้นกับภาคเอกชน เพื่อขยายการทดสอบและรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลให้เร็วขึ้น และควรจะควบคุมราคาในการรักษา แต่รัฐบาลเดลีกลับใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการจัดการกับค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน การตรวจสอบและเตียงในโรงพยาบาล ที่ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกที่น้อยลง จนทำให้มีการตรวจสอบหาเชื้อที่น้อยลง

สุดท้าย คือเรื่องของการคานอำนาจกัน 2 ฝ่าย ซึ่งแม้ว่าผู้ว่าการเคจรีวาลจะเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางมีอำนาจในการจัดการ แต่บางครั้งกลับพบว่ามีการขัดแย้งกันในคำสั่งระหว่างนายเคจรีวาลกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ที่ถือว่าเป็นผู้นำของรัฐบาลกลางของอินเดีย ที่ส่งผลต่อการจัดการกับปัญหาการระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เรดดีบอกว่า ไม่มีอะไรที่สายเกินไปสำหรับโรคระบาด ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือพยายามอย่างมากเพื่อหาทางควบคุมโรค

นั่นคือสิ่งที่ต้องทำ!!

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 3
  • การป้องกันการติดเชื้อต่างหากคือคำตอบ ไม่จำเป็นต้องไปไล่ตรวจแบบมั่วๆ ทุกคนต้องคิดไว้เสมอว่าคนอื่นมีเชื้อโควิดในตัว เพื่อการป้องกันตนเอง
    07 ก.ค. 2563 เวลา 06.00 น.
  • มันถึงจุดเสื่อมและอิ่มตัวของโลกในหลายๆด้านที่ต้องล้างทำความสะอาดแล้วเริ่มต้นใหม่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็น พิษเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นและมาพร้อมๆกัน สงคราม การประท้วงที่เริ่มลามไปทั่วโลก สหรัฐเองก็ออกจากการเป็นสมาชิกลดโลกร้อน แถมยังเป็นหนี้มหาศาลขนาดขายทั้งประเทศก็ใช้หนี้ไม่หมดพิมพ์แบงค์กงเต็กใช้เองมีทางเดียวคืออเมริกาล้างไพ่เริ่มต้นใหม่ แต่ดูทิศทางแล้วภัยธรรมชาติน่าจะมาก่อน ใน 5-10 ปีนี้เราคงได้เห็นสิ่งเลวร้าย เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความสุขที่สุด ก่อนที่จะไม่ได้ใช้มันอีก
    07 ก.ค. 2563 เวลา 04.49 น.
  • แหม่ม°
    งั้นอันที่จริงควรต้องทยอยล็อคดาวน์กันทั้งโลกตั้งแต่แรกแล้วสิเพื่อควบคุมการแพร่กระจายเชื้อโรคให้ได้ก่อน แต่มันก็ยากอ่ะนะ ...ตอนนี้ยังเป็นแบบประเทศใครประเทศมันอยู่เลย ที่แย่คือหลายประเทศกลับปล่อยปะละเลย ทีนี้มันลำบากประเทศที่เดิมเขาเข้มงวดอยู่ก่อนแล้ว เพราะเชื่ออาจแพร่กระจายเข้าประเทศได้ทุกเมื่อ...
    07 ก.ค. 2563 เวลา 13.29 น.
ดูทั้งหมด