จากนักร้องร้านอาหารค่าตัว 250 บาท จนถึงวันนี้ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก “ดา เอ็นโดรฟิน” เพราะอะไรเธอถึงเป็นขวัญใจหญิงไทย จุดไหนที่เป็นจุดอ่อนแอที่สุดในชีวิต และหนทางไหนที่เธอจะก้าวไปข้างหน้าต่อ ติดตามบทสัมภาษณ์ของร็อกเกอร์หญิงไทยที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานสูงได้ด้านล่างนี้
เราคงไม่ต้องกล่าวย้ำถึงความสำเร็จของ “ดา เอ็นโดรฟิน” หรือ “ธนิดา ธรรมวิมล” กันมากนัก เพราะเพลงที่เปิดไปทั่วทุกที่และรางวัลต่าง ๆ ก็คงการันตีความสามารถของเธอให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว แล้วก็ด้วยเพลงของเอ็นโดรฟินนี่แหละ นี่เป็นตัวแทนความรู้สึกของหญิงไทยมาร่วมสิบปี
“ดาว่าตัวตนที่เด็กผู้หญิงชอบ ตอนเสียใจกับเพลงก็มีความเข้มข้นหนักแน่นก็ ‘น้ำเต็มแก้ว’ อยากมองโลกแง่บวกหน่อยก็ ‘สิ่งสำคัญ’ ‘อย่าทำให้ฟ้าผิดหวัง’ คือมันเป็นอารมณ์ของคนจริง ๆ ที่ต้องการนำเสนอ ในมุมที่ฉันเสียใจฉันมีฟีลลิ่งนี้นะ ถ้าฉันมีความหวังฉันรักคนนี้ฉันมีฟีลลิ่งนี้นะ แล้วภาษาที่ทีมเอ็นโดรฟินใช้เขียนด้วยค่ะ มันสละสลวย มันเป็นอะไรที่ลงตัวกับโปรดิวเซอร์ของเราค่ะ”
จากการมองว่าตัวเองเป็นตัวแทนความรู้สึกของผู้หญิงไทยในห้วงอารมณ์ต่าง ๆ เราเองก็อยากรู้ว่าดามีความคิดเห็นอย่างไรกับผู้หญิงไทยในยุคนี้
“ดาคิดว่าตอนนี้ผู้หญิงยุคนี้เราไปหยุดความก้าวหน้าของพวกเขาไม่ได้ โลกมันเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าเราคิดว่าตัวเองเก่งแล้วนะ…จบ โอเวอร์นะคะ เพราะการที่เราเก่งหลาย ๆ มุม มันเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง เพราะฉะนั้นดาว่านี่คือความเป็นยุคนี้ที่ผู้หญิงไทยเป็น”
“อย่างตัวดาเองพอเราสามสิบกว่าเราก็จะ…แล้วยังไงต่อวะ” เธอหัวเราะ “เราไม่ได้ฟูมฟายบ้าบอเหมือนตอนเด็ก ๆ แต่เราจะทำยังไงให้ตัวเองเป็นคนที่มีคุณค่าและมีประโยชน์มากกว่านี้ ก็แฮปปี้กับตอนนี้ว่าทุกอย่างที่เป็นอยู่ทำให้เราแข็งแรงในแบบนี้”
ถึงตรงนี้ดาเล่าให้เราฟังว่าแม้จะเห็นเธอบ้าพลังแบบนี้ แต่ช่วงอ่อนแอของเธอก็มี “ช่วงนั้นขอพูดว่าตกอยู่ใน ‘คอมฟอร์ทโซน’ ก็แล้วกันค่ะ ถ้าเราตกไปอยู่ในนั้นมันจะแย่ มันจะไม่เปลี่ยนอะไรแล้ว ก็เพราะฉันรอดอะ แล้วฉันก็จะทำแบบเดิม”
“ตอนทัวร์เยอะ ๆ ดาเป็นนะคะ” เธอเล่าต่อ “ก็เรามีตังค์ เพราะทัวร์คอนเสิร์ตเป็นรายได้หลักของศิลปินใช่ไหมคะ พอเล่นแล้วเราได้ตังค์มาง่าย ๆ ทำให้เราไม่อยากไปไหนละ เห้ย!…ทำไมไม่ไปเรียนซาวนด์เอ็นจิเนียร์วะ ทำไมไม่ขึ้นมาแต่งเพลงหรือเรียนเปียโนวะ”
“พอทัวร์เยอะ ๆ ปัญหาสุขภาพก็มา เพราะเราเดินทาง นอนน้อย ปาร์ตี้ เดินทาง นอนน้อย มันมีอยู่แค่นี้ เคยขึ้นไปร้องแล้วลืมเนื้อเพลงน้ำเต็มแก้ว คือเราทำงานด้วยระบบ auto pilot จนมันอาการหนัก มันทำจนมันเบลอ เราก็เฮ้ยเป็นอะไรวะ…. แล้วก็เริ่มมีปัญหาเรื่องเส้นเสียงเพราะเราใช้มันเยอะแต่เราไม่เติมเข้าไปเลย ก็เลยรู้สึกว่าหลงทางแล้ว ต้องหยุด”
ห้าเดือนหลังจากดาบอกกับทีมงานว่าจะหยุดทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว ชีวิตของเธอก็เริ่มกลับเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ดาบอกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะกลับมามองหาเป้าหมายของตัวเองอีกครั้ง
“อะไรคือเป้าหมายของเราวะ” เธอถามตัวเองในเวลานั้น “อะไรคือสิ่งที่ตั้งเอาไว้ให้ตัวเองไปถึง เพราะฉะนั้นแล้ว” เธอดีดนิ้ว “เราต้องตื่นออกจากคอมฟอร์ทโซน ตอนนั้นเหลือทัวร์อีกแค่เดือนเดียวก็คือพอแล้ว ไปชาร์จพลัง ไปเที่ยว ไปตั้งเป้าหมายใหม่ให้ชีวิต จัดสมดุลใหม่ให้กับตัวเอง”
มันต้องไม่ใช่แค่ทำงานหาเงินสิวะ มันต้องมีอะไรที่ทุกคนต้องพูดเมื่อชื่อเสียงเราหมดไป ในอนาคตดาจะทำเครื่องสำอาง เป็นลิปสติกกับอายไลน์เนอร์ที่มันเป็นดามาก ๆ แล้วก็ 10% ของรายได้ ดาอยากเอาไปสร้างห้องซ้อมให้โรงเรียนที่ยากจน”
“เพราะว่าสามปีที่แล้วมันมีนิตยสารฉบับนึง พาดาไปช่วยสร้างห้องซ้อมให้เด็กพ่อแม่เสียชีวิตเพราะสึนามิ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าพอสร้างห้องซ้อมแล้วยังไง แล้วเด็กจะไปเล่นดนตรียังไงปรากฎว่าเด็กมีความสุขกับการนั่งจิ้มคีย์บอร์ด ดูคาราโอเกะแล้วร้องเพลงกับเพื่อน มันทำให้เขาลืมเรื่องเศร้า ก็เลยนึกถึงเรื่อง music therapy ถ้าเรามีโครงการอะไรที่อยากจะทำ ก็จะทำเรื่องนี้”
ถึงตรงนี้แล้วอะไรที่เป็นสิ่งที่มัน Happening ในชีวิตของดา เอ็นโดรฟิน ที่ยังทำให้เธออยู่มาถึงวันนี้
“ก็มีสองโมเมนท์หลัก ๆ อันแรกคือเพลง ‘เพื่อนสนิท”’ เปิดบนรถเมล์ตอนไปเรียน แล้วตัวเองก็ยังใส่ชุดม.ปลายอยู่คือมันออกมาตอนเรา ม.5 แล้วจำได้ว่าเพื่อนสนิทดังใน Hot Wave เราก็จะรอดีเจ เราจะไม่สนใจเพลงนะ เราจะรอฟังว่าเขาคอมเมนต์ว่าอะไรนะ อ๋อ…มันติดชาร์ตหกสัปดาห์เหรอ…โห แล้วก็จะเริ่มมีคนจำได้ค่ะ แล้วชีวิตม.ปลายก็หายไปเลย” เธอหัวเราะ
“อีกโมเมนท์นึงคือคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก คอนเสิร์ต Illusion (ภาพลวงตา) เปิดม่านมาคือมีคนฟังเพลงเราสามพันคนอยู่ข้างหน้า แต่ช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่ตอนร้องเพลงนะ เป็นตอนที่ได้ยินคนปรบมือตอนเราอยู่หลังม่าน มันเซอร์ราวนด์เหมือนเปิดคอม นั่นคือโมเมนท์ที่ Happening ในชีวิตของเราค่ะ”
ขอบคุณเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมด จาก Hook's by Prapakas
Un จะเอาอะไรกับชีวิตคน
ดาเป็นเพียงแค่ 1 คนในกี่แสนคนที่ทำได้อย่างนี้
มันมาจากโอกาส. จังหวะ. ความสามารถ. และชะตาชีวิต
เราอย่าหลงประเด็นเลย. เราทำอะไรที่เราถนัดและเอาตัวรอดไม่ขอใครกินไม่เป็นหนี้ใคร.ร่างกายแข็งแรง.
แต่นี้ก้อแจ่มแล้ว.
24 พ.ค. 2562 เวลา 04.25 น.
kitt ทำไมน่ากลัวอะ
24 พ.ค. 2562 เวลา 05.55 น.
Nichapon เก่ง เสียงเป็นตัวเอง สไตล์ชัดเจน
24 พ.ค. 2562 เวลา 08.56 น.
kris ais คุณเก่ง
24 พ.ค. 2562 เวลา 08.53 น.
🍁☀️🅻🅴🅺☀️🍁 Born to be singer
24 พ.ค. 2562 เวลา 09.14 น.
ดูทั้งหมด